เร่งค้นหาเรือดำน้ำอาร์เจนตินาหายปริศนา พร้อมลูกเรือ 44 ชีวิต

เร่งค้นหาเรือดำน้ำอาร์เจนตินาหายปริศนา พร้อมลูกเรือ 44 ชีวิต

หน่วยงานจากหลายประเทศเข้าช่วยเหลือค้นหาเรือดำน้ำสัญชาติอาร์เจนตินาพร้อมลูกเรือ 44 ชีวิต ที่ขาดการติดต่อไปตั้งแต่วันพุธที่ผ่านมา ถึงแม้พบสัญญาณบางส่วนที่คาดว่ามาจากเรือลำดังกล่าว แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถติดต่อได้

จากเหตุเรือดำน้ำชื่อ เออาร์เอ ซานฮวน (ARA San Juan) สัญชาติอาร์เจนตินา พร้อมด้วยลูกเรือ 44 ชีวิต ขาดการติดต่อ บริเวณมหาสมุทรแอตแลนติก ห่างจากชายฝั่งปาตาโกเนีย ทางตอนใต้ของบัวโนสไอเรส ประมาณ 432 กิโลเมตร เมื่อวันพุธที่ผ่านมา

โดยเรือลำนี้อยู่ระหว่างการเดินทางจากเมืองอูซัวยา (Ushuaia) ไปยังฐานทัพเมืองมาร์ เดล ปลาตา (Mar del Plata) หลังจากไม่สามารถติดต่อได้ ตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้ระดมกำลังค้นหาอย่างต่อเนื่อง แต่ต้องเผชิญกับลมแรง โดยมีหลายประเทศเสนอให้ความช่วยเหลืออย่างเป็นทางการแล้ว ได้แก่ สหรัฐอเมริกา บราซิล อุรุกวัย ชิลี เปรู อังกฤษ แอฟริกาใต้ รวมทั้งองค์การนาซาของสหรัฐฯ เบื่องต้นสันนิษฐานว่าเกิดจากระบบไฟฟ้าขัดข้อง จึงทำให้สัญญาณขาดไปจนไม่สามารถติดต่อได้

เมื่อวานนี้ จากความช่วยเหลือของผู้เชี่ยวชาญด้านการสื่อสารผ่านดามเทียมจากสหรัฐฯ กระทรวงกลาโหมอาร์เจนตินากล่าวว่า ได้ตรวจพบสัญญาณดาวเทียมกว่า 7 สัญญาณ ในช่วงเวลา 10.52 น. และ 16.42 น. คาดว่าสัญญาณจากเรือดำน้ำลำดังกล่าว แต่ยังคงไม่สามารถเชื่อมสัญญาณกันได้

ล่าสุด วันที่ 19 พฤศจิกายน 2560 ทางหน่วยบัญชาการทางทหารอเมริกาใต้ส่งเรือเดินสมุทร P-8A โพไซดอน รุ่นที่ 2 ร่วมค้นหา และเครื่องบินของฟลอริดาจะเดินทางถึงอาร์เจนตินาในวันนี้เช่นกัน นอกจากนี้ยังมีเครื่องบิน NASA P-3 ร่วมการค้นหาอีกด้วย

หน่วยบัญชาการกู้ภัยท้องทะเลรัฐแคลิฟอร์เนียกล่าวว่า ได้มีการปรับใช้เครื่องมือใต้น้ำที่ออกแบบมาเพื่อช่วยเหลือนักดำน้ำหรือเรือดำน้ำที่ติดอยู่ใต้ท้องทะเลในระดับความลึกต่างๆ รวมทั้งใช้หุ่นยนต์ใต้น้ำที่สามารถทำงานจากระยะไกล เพื่อเร่งค้นหาเรือพร้อมลูกเรือทั้งหมดโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

อย่างไรก็ตามเรือดำน้ำเออาร์เอ ซานฮวน เป็นเรือดำนำเชื้อเพลิงดีเซล รุ่น TR – 1700 มีความยาว 65 เมตร กว้าง 7 เมตร ถูกผลิตขึ้นที่เยอรมนี โดยบริษัท ธิสเซ่น (Thyssen Nordseewerke) และเข้ามาประจำการตั้งแต่ปี 2526 จนในช่วงปี 2550 – 2557 ได้มีการปรับปรุงขยายอายุการใช้งานต่อไปอีก 30 ปี

ที่มา AFP

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง