32 ปี 14 รัฐบาล กับผลดำเนินการตามอนุสัญญาขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรี

32 ปี 14 รัฐบาล กับผลดำเนินการตามอนุสัญญาขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรี

FEATURES

 

หลังประเทศไทยลงนามสัตยาบันในอนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบหรือCEDAW เมื่อปี 2528 ซึ่งเป็นอนุสัญญาระหว่างประเทศ โดยสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติมีมติเห็นชอบ ผ่านมา 32 ปี รัฐบาลไทยมีมาตรการใดแก้ไขบ้าง

ผ่านมา 32 ปี 14 รัฐบาล ที่ประเทศไทยลงสัตยาบันในอนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบหรือ CEDAW แต่จากรายงานด้วยวาจาที่กรุงเจนนีวาเมื่อ 5 ก.ค.ที่ผ่านมา คณะกรรมการ CEDAW ได้แสดงข้อกังวลถึงโอกาสการเข้าถึงความยุติธรรมและการเยียวยาที่ผู้หญิงไทย ยังมีอุปสรรคถูกตีตรา โดยเฉพาะคดีความรุนแรงทางเพศ ทั้งกฎหมายที่จำกัดและเจ้าหน้าที่ที่ขาดความละเอียดอ่อนในมิติเพศภาวะ ทั้งรัฐบาลยังไม่มีความพยายามอย่างเป็นรูปธรรม ในการสร้างหลักประกันป้องกันการคุกคามทางเพศในที่ทำงาน

CEDAW ได้เสนอแนะให้ไทยลดความซ้ำซ้อนการเข้าถึงความยุติธรรม รณรงค์ให้หญิงและชายมีความเข้าใจในสิทธิ ลดการตีตรา และปรับแก้กฎหมาย เช่น พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ถูกกระทำความรุนแรงในครอบครัวปี 2551 ที่กำหนดให้ทุกขั้นตอนมีการไกล่เกลี่ยที่จะเป็นการเพิ่มแรงกดดันให้ฝ่ายหญิงยอมความในที่สุด

นอกจากนี้ยังแนะนำให้จัดอบรมเจ้าหน้าที่กระบวนการยุติธรรมให้เข้าใจความละเอียดอ่อนต่อเพศภาวะ ซึ่งที่ผ่านมา มีการจัดอบรมด้านกฎหมายแต่ไม่ติดตามผลเพราะอุปสรรคที่เป็นความลับของแต่ละหน่วยงาน

ส่วนข้อเสนอแนะที่ให้รัฐมีศูนย์ช่วยเหลือฉุกเฉิน คุ้มครอง และเยียวยา มีเพียงผลจากมติ ค.ร.ม.ปี 2542 ให้กระทรวงสาธารณสุขจัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือเด็กและสตรีหรือ OSCC เช่น ศูนยพึ่งได้ โรงพยาบาลปทุมธานี เน้นทำงานเชิงรุก คัดกรองเหยื่อและประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งสามารถช่วยเหลือผู้ถูกกระทำได้มากกว่า 5,000 ราย ใน 12 ปี

แต่ไม่ใช่ทุกศูนย์ที่มีความเข้มแข็งในการทำงาน ยังมีหลายหน่วยงานภาครัฐที่เพิกเฉยกับปัญหาความรุนแรงทางเพศ เช่น การลวนลามในหน่วยงานรัฐหลายแห่ง ที่มักซุกปัญหาไว้ใต้พรม ทำให้องค์กรสตรีไม่สามารถเข้าไปปกป้องผู้ถูกกระทำได้ โดยมักจะอ้างว่าเป็นปัญหาในองค์กร และปัจจุบันยังพบปัญหาการละเมิดสิทธิสตรีด้อยโอกาส จนถึงลิดรอนการมีส่วนร่วมของผู้หญิงในกลไกต่างๆ ซึ่งไม่เป็นไปตามแนวทางอนุสัญญา CEDAW

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง