ตอนนี้จำนวนเศรษฐีคริปโตทั่วโลก พุ่งสูงขึ้น 95% ในช่วงปีที่ผ่านมา สอดคล้องกับที่ ETF ของบิตคอยน์ และสินทรัพย์คริปโตอื่นๆ ก็เพิ่มขึ้นด้วย
ตามรายงานของ New World Wealth และ Henley & Partners จำนวนเศรษฐีบิตคอยน์ล้วนๆ เพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่าเป็น 85,400 ราย และพบว่ามีผู้คนประมาณ 172,300 ราย ทั่วโลกที่ถือครองสินทรัพย์ดิจิทัลมูลค่าเกิน 1 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจากจำนวน 88,200 คน เมื่อปีที่แล้ว
ตามรายงานระบุว่า ปัจจุบันมีมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยจากคริปโตในระดับที่มีทรัพย์สินคริปโต 100 ล้านดอลลาร์ขึ้นไปจำนวน 325 คน และมีเศรษฐีระดับพันล้านจากคริปโต 28 คน
สะท้อนให้เห็นการเติบโตอย่างรวดเร็วของ Bitcoin ETF ซึ่งปัจจุบันมีสินทรัพย์เกิน 50,000 ล้านดอลลาร์นับตั้งแต่เปิดตัวเมื่อเดือนมกราคม และยังจุดประกายให้เกิดกระแสการมีส่วนร่วมของสถาบันต่างๆ
ราคาของบิตคอยน์พุ่งขึ้น 45% ในปีนี้มาอยู่ที่ประมาณ 64,000 เหรียญ ขณะที่เหรียญอื่นๆ มีมูลค่าเพิ่มขึ้น มูลค่าตลาดของสินทรัพย์ดิจิทัลก็เพิ่มขึ้นเป็น 2.3 ล้านล้านดอลลาร์
จากรายงานของ Forbes มหาเศรษฐีคริปโตที่รวยที่สุด (เป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน) คือ Changpeng Zhao ผู้ก่อตั้งและอดีตซีอีโอของ Binance กระดานซื้อขายคริปโตที่มีทรัพย์สินประมาณ 33,000 ล้านดอลลาร์ โดยทรัพย์สินของเขาพุ่งสูงขึ้นมากกว่า 10,500 ล้านดอลลาร์ในช่วงปีที่ผ่านมา
อันดับสองคือ Brian Armstrong ผู้ก่อตั้งร่วมของ Coinbase
มีสินทรัพย์คริปโตมูลค่าประมาณ 11,000 ล้านดอลลาร์ ตามมาด้วย Giancarlo Devasini ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของ Tether และ Michael Saylor ผู้ก่อตั้งร่วมของ MicroStrategy
ถึงแม้ว่าสินทรัพย์ดิจิทัลจำนวนมากจะยังคงมีตัวเลขต่ำกว่าระดับที่เคยมีมูลค่าสูงสุดในปี 2021 (ตอนนั้นสินทรัพย์ดิจิทัลมีมูลค่าตลาดถึง 3 ล้านล้านดอลลาร์) แต่นักวิเคราะห์มองว่าการเพิ่มขึ้นล่าสุดของบิตคอยน์ ถือเป็นสัญญาณ และแนวโน้มการย้อนกลับไปสู่ระดับดังกล่าว
มีการวิเคราะห์ว่า การยอมรับสินทรัพย์ดิจิทัลเพิ่มมากขึ้นในหมู่ผู้จัดการสินทรัพย์รายใหญ่ เช่น BlackRock ไปจนถึงการมีตัวแทนขายกว่า 15,000 คน ที่ช่วยส่งเสริมการสร้างความมั่งคั่งให้กับผู้ถือครองสกุลเงินดิจิทัลรายใหญ่ได้
คริปโตไม่เพียงแต่จะสร้างเศรษฐีและมหาเศรษฐีเพิ่มขึ้นเท่านั้น แต่ยังทำให้เกิดการอพยพย้ายถิ่นในหมู่เศรษฐีคริปโตด้วย จากข้อมูลของ Henley เศรษฐีคริปโตจำนวนมากกำลังมองหาวิธีย้ายไปยังพื้นที่และประเทศที่มีเขตอำนาจศาลที่เป็นมิตรกับภาษีและเป็นมิตรกับคริปโต
Dominic Volek หัวหน้าฝ่ายลูกค้ารายบุคคลของ Henley & Partners กล่าวว่า มีลูกค้าที่ร่ำรวยด้วยสกุลเงินดิจิทัลเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญซึ่งกำลังมองหาทางเลือกในการพำนักและขอสัญชาติอื่น
โดยตอนนี้เมื่อดูตามดัชนีประเทศที่เป็นมิตรต่อสกุลเงินดิจิทัล พิจารณาตามแนวทางด้านภาษีและกฎระเบียบที่มีต่อสกุลเงินดิจิทัล อันดับหนึ่งเลย คือ สิงคโปร์ หลักๆ มาจากการที่สิงคโปร์มีระบบธนาคารที่ให้การสนับสนุน การลงทุนที่สำคัญ กฎระเบียบที่ครอบคลุม เช่น พระราชบัญญัติบริการชำระเงิน พื้นที่ทดลองกฎระเบียบ
ฮ่องกงอยู่อันดับสอง ตามมาด้วยสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และ สหรัฐอเมริกา จากรายงานระบุว่าในสหรัฐอเมริกา ประชากร 15% เป็นเจ้าของสกุลเงินดิจิทัล โดยในอเมริกามีโครงสร้างพื้นฐานที่สนับสนุนอย่างแข็งแกร่ง เช่น ตู้เอทีเอ็มสกุลเงินดิจิทัล ธนาคารที่สนับสนุนสกุลเงินดิจิทัล และธุรกิจที่ยอมรับสกุลเงินดิจิทัลเพิ่มมากขึ้นนั่นเอง
