“อยากให้มันเป็นเหมือน Bookend” คุยกับคนเบื้องหลัง Alice in Borderland Season 3 เมื่อเกมไม่ต่างกับโลกขนาดย่อส่วน

“อยากให้มันเป็นเหมือน Bookend” คุยกับคนเบื้องหลัง Alice in Borderland Season 3 เมื่อเกมไม่ต่างกับโลกขนาดย่อส่วน

กลับมาพร้อมเดิมพันที่สูงขึ้น สำหรับ  Alice in Borderland  ซีซัน 3 ที่ฉายภาพใหญ่ขึ้น และเนื้อเรื่องใหม่ ที่เดินทางออกไปไกลกว่ากรอบของมังงะ หลังจากที่สองซีซันแรก ได้กลายเป็นหนึ่งในผลงานที่สร้างชื่อให้ Netflix ญี่ปุ่นในระดับโลก กับเกมเอาตัวรอดสุดโหด ที่ทั้งแฟนมังงะและผู้ชมหน้าใหม่ต่างพูดถึง 

 

สำนักข่าว TODAY ได้เข้าร่วมการสัมภาษณ์กับ ชินสุเกะ ซาโตะ  ผู้กำกับ และนักแสดงนำ เคนโตะ ยามาซากิ (รับบท อาริสุ) รวมถึง ทาโอะ ซึจิยะ (รับบท อุซางิ) เกี่ยวกับแนวคิดเบื้องหลังงานในครั้งนี้

เมื่อ ‘ชีวิตและเกม’ ถูกร้อยเข้าด้วยกัน

“สิ่งที่ผมคิดว่าทำให้ Alice in Borderland แตกต่างจากผลงานอื่นๆ ก็คือ ตัวละครแต่ละคน ต้องเผชิญกับการแก้ไขบาดแผล ปัญหา หรือภาระที่เขาหรือเธอมีอยู่ในใจ เพราะแบบนั้น เส้นเรื่องชีวิตกับการเล่นเกม จึงถูกร้อยเข้าด้วยกันเป็นหนึ่งเดียว และนั่นคือสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของเรื่องนี้ครับ” 

ชินสุเกะ ซาโตะ ผู้กำกับย้ำสิ่งที่ทำให้ Alice in Borderland แตกต่างจากบรรดาซีรีส์แนวเกมเอาตัวรอดที่เราได้เห็นมากขึ้นเรื่อยๆ ในปีหลัง 

สำหรับซีซัน 3 ที่เป็นการสร้างทั้งเกม และเรื่องราวขึ้นมาใหม่ ยิ่งกว่าซีซันก่อนๆ ที่มีเกมนอกมังงะมาอวดโฉมให้เห็นบ้าง ชินสุเกะ ซาโตะ เผยถึงเบื้องหลังการคิดเกมใหม่ ไว้น่าสนใจ 

“สิ่งที่ผมให้ความสำคัญมากที่สุดคือ เกมทุกเกมต้องสอดคล้องกับธีม และแนวคิดที่เราต้องการจะเล่าในซีรีส์ เหมือนผมกำลังสร้างเกมไปพร้อมๆ กับการเขียนบท ซึ่งเป็นกระบวนการที่ค่อนข้างยากเหมือนกัน เพราะบางเกมในซีซันนี้ สร้างขึ้นใหม่โดยไม่ได้มีอยู่ในมังงะต้นฉบับ”

ผู้กำกับเล่าต่อว่า การเพิ่มเกมที่ไม่มีในมังงะ ถึงจะเกิดขึ้นบ้างแล้วใน 2 ซีซันก่อน แต่ความยากก็ยังไม่หายไป “คุณต้องกลายเป็นเหมือนนักออกแบบเกมเอง ต้องคิดกติกาว่าจะตั้งไว้ยังไง ต้องหาทางแก้ไข หรืออุดช่องโหว่ของเกม ซึ่งเป็นเรื่องท้าทายมาก และพอมาคิดย้อนกลับไปตอนนี้ ผมแทบจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าทำมันได้ยังไง”

ชินสุเกะ ซาโตะ ผู้กำกับ

แน่นอนว่า หนึ่งในเกมที่โดดเด่นที่สุด คือเกมสุดท้ายที่ชิบุยะ ซึ่งนับว่าเป็น Bookend ย้อนกลับมาที่จุดเริ่มต้นของเรื่องที่แยกชิบุยะอีกครั้ง ซึ่งฉากนี้ มาจากแนวคิดที่ว่าชิบุยะเป็นจุดเริ่มต้น แต่ยังไม่เคยเป็นสถานที่จัดเกมสักครั้ง เขาก็เลยตั้งใจที่จะปิดฉากสุดท้ายที่นั่น

“เราตั้งใจมากที่จะทำให้เกมสุดท้ายเป็นเกมเชิงจิตวิทยา และใช้ชิบุยะ เป็นฉากด้วย ซีซัน 1 เริ่มต้นที่นั่น และความจริงแล้ว ตลอดทั้งซีรีส์ยังไม่เคยมีเกมไหนเกิดขึ้นที่ชิบุยะเลย เพราะฉะนั้นเราจึงต้องปิดฉากด้วยเกมตรงแยกชิบุยะครับ” 

“ผมอยากให้มันเป็นเหมือน Bookend (การเปิดและปิดเรื่องด้วยฉาก บทพูด หรือสถานการณ์ที่คล้ายกัน) ที่สมบูรณ์ เพราะเกมแรกในซีซัน 1 คือเกมที่ทุกคนถูกขังอยู่ในพื้นที่จำกัด และเดิมพันด้วยชีวิต ผมเลยอยากทำอะไรที่สะท้อนสิ่งนั้นอีกครั้ง ด้วยการสร้างเกมที่เล่นในพื้นที่ปิดเล็กๆ อึดอัดทว่าใกล้ชิด”

ผู้กำกับ ชินสุเกะ เล่าว่า คราวนี้เขาเพิ่มความเป็น ‘สุโกโรคุ’ (เกมกระดานทอยลูกเต๋า) ซึ่งผู้เล่นต้องเสี่ยงโชค และเลือกเดินหมากไปตามนั้นเข้าไปด้วย เพราะมันสะท้อนแนวคิดว่า ‘การเลือก’ ในชีวิตของคุณ กำหนดชะตากรรม และอนาคตของคุณเอง  เหมือนในเกมที่ทุกการตัดสินใจมีผลลัพธ์ตามมา 

“เกมนี้จึงเป็น ‘โลกขนาดย่อส่วน’ ของธีมหลักในซีซันนี้ ซึ่งก็คือ ‘ชีวิต’ ครับ”

ทว่า แค่คุณเลือกธีม หรือ ปรัชญาในการเล่าเรื่อง ก็ไม่ได้หมายความว่าจะหาคอนเซ็ปต์เกมที่เข้ากันได้ง่ายๆ การออกแบบเกมใช้สมองอีกส่วนที่ต่างจากการเล่าเรื่องโดยสิ้นเชิง 

“สำหรับเกมที่ตั้งไว้ตรง ‘สแครมเบิลครอสซิง’ (แยกชิบุยะ) ผมเกิดไอเดียขึ้นมาว่า ต้องทำให้เกมเกิดในพื้นที่สี่เหลี่ยมใหญ่ตรงนั้น แล้วนึกภาพให้กลายเป็นเหมือนกระดานโกะ หรืออย่างกระดานหมากรุกที่ผู้ชมตะวันตกจะเข้าใจ เกมที่เล่นกันใน ‘กล่องสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่’ เต็มไปด้วยการเคลื่อนหมาก และทั้งหมดก็ประกอบร่างขึ้นมาเป็นเกมปิดฉากซีซัน 3 ครับ”

 

จากคู่รักกลายเป็น ‘คู่ชีวิต’

นอกจากผู้กำกับแล้ว นักแสดงนำทั้งสองอย่าง เคนโตะ ยามาซากิ และ ทาโอะ ซึจิยะ ก็ยังกลับมารับบท อะริสุ กับ อุซางิ เช่นเดิม โดยครั้งนี้แฟนๆ จะได้พบกับทั้งสองในบทบาทสามีภรรยา ที่ต้องเจอกับอุปสรรคใหม่ในชีวิต สำหรับพวกเขาสิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยน คือ ‘ความมั่นใจและความกล้า’ ที่สั่งสมมาจากการก้าวข้าวความท้าทาย จากการถ่ายทำซีซัน 1 และ 2 

จนพวกเขาเติบโต พร้อมกับความแข็งแกร่งขึ้นในฐานะนักแสดง โดยสิ่งที่ เคนโตะ ยามาซากิ ยึดถือไว้ในซีซันนี้ คือ เป้าหมายของการ ‘พาอุซางิกลับบ้าน’ 

ด้าน ทาโอะ ซึจิยะ ก็กล่าวถึงตัวละครว่า สิ่งที่ทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไป คือการที่อาริสุกับอุซางิแต่งงานกันแล้ว และทั้งคู่ต้องเผชิญความท้าทายใน Borderland ด้วยกันในฐานะคู่สามีภรรยา และการถ่ายทำทางเลือกในเกม ‘บันไดงูอนาคต’ ที่ทำให้ความสัมพันธ์ของตัวละครแข็งแกร่งขึ้นไปอีก

“เกมสุดท้ายก็คือ ‘บันไดงูอนาคต’  ซึ่งในแง่ของการถ่ายทำ เราก็เลยมีซีนที่มีความสุขด้วย จนเรายังพูดกันเล่นๆ ว่า ‘นี่มัน Alice in Borderland นะ จะถ่ายฉากแฮปปี้ได้ยังไง’ แต่สุดท้าย ฉันคิดว่ามันยิ่งทำให้สายสัมพันธ์ของตัวละครแข็งแรงขึ้นค่ะ” เธอกล่าวติดตลก 

ในซีซันนี้ Alice in Borderland ไม่เพียงแต่โฟกัสไปที่เกมเท่านั้น แต่เน้นไปที่บาดแผล และความเจ็บปวด หลังจากการเอาชีวิตรอดและการเยียวยาด้วย ไม่ว่าจะด้วยการหลีกหนีอย่างที่อุซางิทำ หรือในแบบอื่น จากบทสัมภาษณ์โดย Netflix ทาโอะ สึจิยะ ผู้รับบทอุซางิ ผู้เป็นเหมือนตัวแทนของธีมนี้

“มีบทพูดในฉากหนึ่งบอกว่า ‘บาดแผลใดๆ ก็สามารถกลายเป็นเหตุผลที่จะมีชีวิตอยู่ต่อได้’ มันไม่ใช่แค่คำพูดของผู้กำกับ แต่ยังเป็นคำอธิษฐานของฉันเองที่อยากส่งถึงผู้ชมด้วยค่ะ”  ทาโอะ ซึจิยะ กล่าวทิ้งท้าย

แท็กที่เกี่ยวข้อง
วาดฝัน Writerวาดฝัน

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง