อะไรยากไปกว่า ‘วินิจฉัยโรค’? กว่าจะเป็น ‘The Bone เก่งเข้ากระดูก By ศิริราช’ จากแข่งวิชาการ สู่รายการเกมโชว์

อะไรยากไปกว่า ‘วินิจฉัยโรค’? กว่าจะเป็น ‘The Bone เก่งเข้ากระดูก By ศิริราช’ จากแข่งวิชาการ สู่รายการเกมโชว์

“ขอแค่มี ‘สติ’ กับทุกอย่างที่ทำ…ความเก่งวัดกันที่การทำได้ตอนกดดัน เหมือนนักฟุตบอลซ้อมยิงลูกโทษ กี่ครั้งก็เข้า แต่ถ้าผ่านไปได้สักครั้ง ก้าวต่อไปทำได้” คงไม่ใช่แค่ อาจารย์หมออยากจะยืม ‘ปุ่มกด’ ให้ นศพ. แข่งตอบคำถาม ที่ workpoint ถึงทำให้ ‘The Bone เก่งเข้ากระดูก By ศิริราช’ มาไกลขนาดนี้

 

รู้ผลแพ้ชนะไปแล้ว สำหรับเวทีประชันความรู้ ด้านออร์โธปิดิคส์ ซึ่งเกี่ยวกับระบบกระดูก ข้อ เส้นเอ็น และกล้ามเนื้อ ของเหล่านักศึกษาแพทย์ (นศพ.) 19 สถาบัน แต่ดูเหมือนผู้คนยังอารมณ์ค้างกันต่อไม่หยุด

แค่ 3 อีพี  เหล่า นศพ. จากทั่วประเทศ ก็ตกผู้ชมอยู่หมัด คนดูชอบ หมอจริงเชียร์ จนคลิปรีแอ็กฉ่ำเต็มโซเชียลฯ​ ‘อยากให้สาขาอื่นมาบ้าง ขอคณะนิติศาสตร์ด้วยได้ไหม น้องๆ ทุกคนเก่งมาก…’ คงไม่อะไรยืนยันได้ดี ไปกว่าเสียงตอบรับของผู้ชม

และยังเป็นสูตรสำเร็จแบบคลาสสิค ผลลัพธ์ที่ดี ล้วนตั้งต้นจากความตั้งใจ ‘The Bone เก่งเข้ากระดูก By ศิริราช’ ก็ไม่ต่างกัน  กว่าศาสตร์และศิลป์บรรจบกันได้ตรงกลาง กลายเป็นคำถามและบททดสอบ ให้กับ นศพ. ได้ฟาดฟัน ฝั่งคนดูได้ความรู้ และร่วมลุ้นตัวโก่ง ส่วนหนึ่งตั้งต้นจากความทุ่มเทของคนเบื้องหลัง

สำนักข่าว TODAY มีโอกาสได้พูดคุยกับ อาจารย์แพทย์จากศิริราช ที่จับพลัดจับผลูเป็นพ่องาน บรรดา นศพ. ที่ไปไกลถึงรอบไฟนอล และทีมงานของรายการ ที่นั่งในห้องตรวจจริงๆ มาแล้ว พร้อมคำตอบตอนท้าย ว่าตกลงแล้ว พวกเขาใจอ่อน สำหรับซีซัน 2 หรือ The… จะมา ตามเสียงอ้อนผู้ชมหรือไม่

 

กว่าจะมาเป็น ‘The Bone เก่งเข้ากระดูก By ศิริราช’

“ในที่ประชุม ไม่มีใครยกมือ เพราะถ้าใครยกมือคนนั้นต้องรับไป” หมอโจ๊ก หรือ รศ. นพ. พัชรพล อุดมเกียรติ  รองหัวหน้าภาควิชาศัลยศาสตร์ออร์โธปิดิกส์และกายภาพบำบัด คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล เล่าจุดเริ่มต้นอย่างติดตลก ถึงบรรยากาศในที่ประชุมเหล่าอาจารย์หมอ ก่อนจะมาเป็นเกมสุดหินในรายการ

อย่างที่ทราบว่า ภาควิชาศัลยศาสตร์ออร์โธปิดิกส์และกายภาพบำบัด คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล ถือเป็นเจ้าภาพหลัก ในการระดมนักศึกษาแพทย์ที่สนใจ มาจากทั่วประเทศ ภายใต้ความตั้งใจที่ทุกคนเห็นร่วมกัน โดยไม่ต้องโน้มน้าว คือ ต้องการให้ ‘ออร์โธปิดิกส์’ เป็นที่รู้จัก พัฒนานักเรียนแพทย์ ไปจนถึงให้ความรู้คนทั่วไป

“เราอยากให้ออร์โธปิดิกส์เป็นที่รู้จักในหมู่นักศึกษา คนอาจไม่รู้ว่าสาขานี้รักษาได้ ทั้งผ่าตัดและไม่ผ่าตัด…เป็นวิชาที่พัฒนาการไปได้เรื่อยๆ ไม่สิ้นสุด ไม่ใช่วิชาที่ตายแล้ว”

หมอโจ๊ก ขยายความสิ่งที่คนทั่วไปอาจไม่รู้ว่า นักศึกษามีโอกาสเรียนรู้ด้านนี้เพียงหลักเดือนเท่านั้น เมื่อเทียบการเรียนด้านอื่นๆ หากไม่ได้สนใจเป็นพิเศษ ถึงได้ตั้งต้นกับโจทย์ 60 ข้อ ที่จะเปิดแข่งในห้องสอบสี่เหลี่ยม ภายใต้ชื่อเวอร์ชันแรกอย่าง ‘SI ortho olympian’ คล้ายการแข่งโอลิมปิก 

ทว่า เมื่อความตั้งใจให้รอบสุดท้าย อยากเพิ่มความตื่นเต้นขึ้น คล้ายเกมโชว์ ชื่อของ Workpoint ถึงเข้ามามีเอี่ยวในสมการนี้ แต่ไม่ใช่ในฐานะผู้ผลิตรายการ แต่มีเริ่มต้นที่ชวนอมยิ้ม ด้วยการที่ หมอโจ๊ก อยากจะขอ ‘ยืมปุ่มกด’ มาใช้ เพื่อทำให้การแข่งขันน่าสนใจ ไปๆ มาๆ เรื่องราวใหญ่โตกว่านั้นมาก 

“เราเปลี่ยนแผนดีกว่า แทนที่จะเปิดฟรีให้นักเรียนสมัคร ลองเลือกจากสถาบันละคนไหม ให้ได้ความรู้สึกคล้ายมีศิษย์เก่ามาเชียร์ คล้าย Genwit ที่แต่ละคนมาเชียร์ รร.” อาจารย์หมอโจ๊ก เล่า

จังหวะมาถึงขนาดนี้ มีหรือที่แถวหน้ารายการเกมโชว์ด้านความรู้ ที่ประสบความสำเร็จมาแล้ว อย่าง Genwit อัจฉริยะพันธุ์ใหม่ จะปล่อยหลุดมือ ทั้งที่ใจหนึ่งของคนทำงาน ต่างตั้งคำถามว่า ‘เกินตัว’ ไปไหม 

 “หือ เราเพิ่งทำ Genwit ไป เอาจริงๆ ในฐานะเด็กนิเทศน์ฯ ก็ดูเกินความสามารถ (องค์ความรู้) มันคือวิทยาศาสตร์จ๋าๆ เลย แล้วคราวนี้เราไปขั้นกว่า”

ถึงแรกเริ่มจะคิดว่า ‘ยากเกินไป’ แต่ในฐานะโปรดิวเซอร์ ที่เคยใส่สุดกับรายการ ‘แฟนพันธุ์แท้’ มีหรือที่จะถอย เอ๋ย-ปรวีร์ ศรีอำพันพฤกษ์ ตัดสินใจคว้ามือทีมลุยกันสักตั้ง

เมื่อการแข่งขันตอบปัญหา กับการทำรายการให้คนดูชอบ มาเจอกัน การหาจุดกึ่งกลางของ ‘ความสนุก’ และ ‘ความรู้’ จึงยิ่งท้าทาย ในฐานะครีเอทีฟ เจมส์-ภัคพล แซมเพ็ชร และ ลงเอย-อนัญญา จันทรสุขเกษม  จึงอธิบายเรื่องนี้ได้ดีที่สุด ด้วยประสบการณ์ที่ต้องเข้าไปจำลองใช้ชีวิต ทั้งนั่งฟังการเรียนในห้อง ของ นศพ.ชั้นปีที่ 5 และดูการฝึกปฏิบัติ แถมยังเข้าห้องตรวจพร้อมคุณหมอ ในรั้ว รร.แพทย์ จนตบให้ 60 โจทย์ตั้งต้นเข้าที่เข้าทาง อย่างที่คาดว่าคนดูจะชื่นชอบ

“ได้พบคนไข้จริงในห้องตรวจ ได้เห็นภาพการรักษา ทำให้พัฒนาทั้งหมดมาเป็นส่วนหนึ่งของเกม” เจมส์ เล่า ฟังถึงตอนนี้ เชื่อว่าหลายคนคงเริ่มว้าวกันแล้ว คงไม่ต่างจากการซีรีส์ด้านการแพทย์ดังๆ ที่มักปล่อยภาพเบื้องหลังคนทำงาน ที่ทุ่มเทเต็มที่ เพิ่มให้คนดูยิ่งอยากติดตาม

เจมส์ เล่าต่อว่า ความท้าทายของ  The Bone คือทำยังไงให้เรื่องยาก คนดูเข้าใจง่าย แต่ยังคงต้องท้าทายความสามารถของ นศพ. ที่มาร่วม การประชุมเพื่อโยนไอเดียจึงเกิดขึ้นอย่างสนุกสนาน ถึงได้เห็นเกม ‘ทายลายมือหมอ’ ที่มีชื่อเรื่อง ‘ความสวย?’ และ ‘คลำกระดูก’ ที่ดูเป็นไวรัลในโซเชียล เรียกเสียงหัวเราะบนทีวีสาธารณะ พร้อมคำอธิบายที่เป็นเหตุเป็นผลในทางวิชาชีพแพทย์

 “ลายมือผม (หมอโจ๊ก) หมดเลยนะเนี่ย ใครจะว่าก็ว่า” หมอโจ๊ก เผยความลับที่ไม่เคยบอกที่ไหน

 

ทำความรู้จัก ‘แชมป์และรองแชมป์’ กันเสียหน่อย

อย่าเพิ่งเสียอาการ อยากจะป่วยขึ้นมาทันที…ด้วยความเก่งแบบตะโกน ของ นักศึกษาแพทย์จาก จุฬาฯ ประกอบกับการรับมือกับผู้ป่วยได้อย่างใจเย็น และจริงใจ ในสถานการณ์จำลองแจ้งข่าวร้าย พาพวกเขาคว้าแชมป์ไปได้

“เราจะผ่านเรื่องนี้ไปด้วยกันนะ” คำพูดของ ‘กอล์ฟ’ วรเมธ ชีพธรรมคุณ นิสิตแพทย์ชั้นปีที่ 6 คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

 ไม่ต่างกับ ‘ฟินาเล่’ ที่ช่วยปิดท้ายรายการได้อย่างสมบูรณ์แบบ และถ่ายทอดความตั้งใจของรายนี้ได้อย่างดี ทั้งที่เจ้าตัวออกปากว่า ยังไม่เคยเจอสถานการณ์จริง ที่ร้ายแรงขนาดนั้น เพียงแต่มีโอกาสติดตามรุ่นพี่ไปแจ้งข่าวร้าย และฝึกปฏิบัติในห้องเรียนเท่านั้น ดังนั้น การเข้าร่วมรายการครั้งนี้สำหรับพวกเขา จึงไม่ต่างกับการขยายองค์ความรู้ไปอีกขั้น 

อย่างที่เพื่อนร่วมทีม ‘โอม’ สารัช พิมลธเรศ นิสิตแพทย์ชั้นปีที่ 6 คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตัดสินใจสมัครกับทางคณะ ก่อนจะกลายมาเป็นตัวแทน “ผมชอบแข่งขันด้วย ชอบแข่งทางวิชาการตั้งแต่เด็กๆ” 

ข้ามมาฝั่ง คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล จากเพื่อนๆ เกือบ 30 คน ‘กาณฑ์’ ภูมิพัฒน์ วีระกุลทรัพย์ และ ‘ต้นน้ำ’ จิราธิป เลิศลุมพลีพันธุ์ กลายเป็นตัวแทนเข้าแข่งขัน ถึงจะไม่สามารถคว้าชัยได้ แต่พวกเขาก็คว้าใจคนดูได้ ด้วยคาแร็กเตอร์เฉียบคม ที่มีพร้อมความอ่อนน้อม จนผู้ชมอยากเห็นทั้งคู่ตรวจคนไข้จริงๆ

‘โจทย์ง่าย’ อย่างที่อาจารย์หมอโจ๊กพูด จริงไหม? ถือโอกาสให้ลูกศิษย์ตอบคำถามนี้ “เนื้อหาไม่ได้เกินความรู้ นศพ. ไปมาก อาจมีนิดๆ หน่อยๆ แต่สิ่งที่ทำให้ยากคือ บรรยากาศและเวลา ปัจจัยอื่นๆ ที่ทำให้ดูยากขึ้น” ต้นน้ำ ให้ความเห็น

 

‘สถาบัน’ แรงปลุกใจกองเชียร์ ‘แรงกดดัน’ คนแข่งขัน พร้อมความคาดหวังผู้ชม รับมืออย่างไร? 

เมื่อถามถึงสิ่งที่สนุกของรายการ ทุกคนต่างมีคำตอบที่หลากหลาย ในมุมมองของตัวเอง ในทางกลับกัน ‘ความกดดัน’ ที่เหล่า นศพ. เผชิญในรายการ กลับเป็นจุดร่วมที่น่าสนใจ โดยเฉพาะเมื่อเส้นทางอาชีพของพวกเขา เกี่ยวเนื่องกับชีวิต ซึ่งตามมาด้วยความคาดหวังของผู้คน

ต้นน้ำ กล่าวถึงเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมาว่า พวกเขาแบกชื่อ ‘ศิริราช’ มาด้วย ซึ่งนี่กลายเป็นความกดดันโดยไม่ได้ตั้งใจ 

“คนชอบบอกว่าเป็นศิริราช ถ้าทำได้ไม่ดีคนก็บอก ‘เอ้า ทำไมแบบนี้’ ถ้าทำดีเกินก็ ‘เอ้า เป็นศิริราชไง’เลยต้องพยายามหาตรงกลาง” เขาเล่าด้วยรอยยิ้ม เมื่อความกดดันนั้นกลายเป็นอดีตไปแล้ว 

ก่อนจะเสริมว่า ความสนุกของรูปแบบรายการที่ต้องน็อกเอ้าท์ แพ้หนึ่งคนชนะหนึ่งคน และมีเวลามาเกี่ยวข้อง นับเป็นจุดที่ยากที่สุด เพราะ ไม่ใช่แค่ชนะตัวเอง แต่ต้องแข่งกับคนที่อีกทีมที่เก่งมากๆ ไม่ต่างกับความรู้สึกของ กาณฑ์ ที่กำลังสนุกกับเกม ซึ่งปรับจากความรู้ในหนังสือมาทดสอบตัวเขา “เวลาตอบคำถามได้หรือไม่ได้ ทั้งในข้อสอบและชีวิตจริง จะไม่ได้ตื่นเต้นขนาดนี้” กาณฑ์เล่า

กอล์ฟ ในฐานะตัวแทนของ ‘จุฬา’ ก็ต้องก้าวผ่านความกดดันที่ใกล้เคียงกัน “มีความกกดดันอยู่เยอะ ไม่อยากตกรอบ ไม่แน่ใจว่าคิดไปเองก่อนใหม่ ว่าตกรอบโดนหนักแน่”

“รู้สึกเหมือนบราซิลตกรอบ… คนมองว่า จุฬาฯ ศิริราช สอบเข้าได้เป็นอันดับต้นๆ ยังไงก็ต้องเก่งและได้แชมป์ เลยกดดันมากๆ” โอม กล่าวเสริม

ดูเหมือน ‘ความกดดัน’ ไม่ใช่เรื่องเกินคาดหมายของทีมผลิตรายการ รวมถึงอาจารย์แพทย์ สังเกตจากข้อความคำเตือนที่เริ่มปรากฏให้เห็นอยู่เป็นระยะ

‘รูปแบบเกมในรายการ ถูกปรับเพื่อความเหมาะสมด้านการถ่ายทำ ผลการแข่งขัน ไม่ได้ชี้วัดทักษะทางการแพทย์ จรรยาบรรณ หรือการรักษาผู้ป่วยในสถานการณ์จริง ของสถาบันใดๆ ทั้งสิ้น’ 

ในฐานะครีเอทีฟ เจมส์ อธิบายว่า ผลแพ้ชนะที่มาจากการตอบคำถาม เป็นเรื่องตายตัวของรายการเกมโชว์ลักษณะนี้ แต่เงื่อนไขของ The Bone พวกเขาไม่สามารถมองข้ามข้อกังวลเหล่านี้

“พอเป็นการแข่งขันทางแพทย์ แล้วส่งผลกระทบต่อคนจริงๆ ทั้งคนดู ผู้ป่วย เราเข้าใจว่ามีบริบทอื่นๆ ของแต่ละบุคคล เราไม่มีทางให้คำตอบที่ถูกต้องอย่างสมบูรณ์ได้ เราถึงต้องขึ้นคำเตือน”

นี่เป็นความเปลี่ยนแปลงที่ทีมงานปรับปรุง สืบเนื่องจากการรับฟังความคิดเห็นของผู้ชม ซึ่งทีมงานยินดีพัฒนา และรับฟังทุกความคิดเห็น

หมอโจ๊ก กล่าวเสริมว่า โลกออนไลน์เป็นปกติที่มีความเห็นหลากหลาย ไม่เว้นกระทั่ง ประเด็นที่เกี่ยวกับการรักษาพยาบาล ดังนั้น การยืนยันบนพื้นฐานที่ถูกต้อง เป็นแนวทางที่ดีที่สุด “ทำดีแค่ไหน ก็ต้องมีคนวิจารณ์”

เมื่อผ่านความกดดันของการแข่งขันที่ตึงเครียด และตื่นเต้นในเวลาเดียวกัน ในวันที่พวกเขาผ่านมาได้ ทุกคนต่างภาคภูมิใจในตัวเอง จนไม่ได้เสียใจหากตกรอบ แต่กลัวว่าความสนุกจะหายไปต่างห่าง 

 

เหตุผลเบื้องหลัง ‘รุ่นพี่’ หนึ่งตัวช่วยพิเศษ?

หากใครมีโอกาสดู ‘The Bone เก่งเข้ากระดูก By ศิริราช’ กันมาแล้ว อาจคุ้นประโยคที่อาจารย์หมอย้ำอยู่หลายครั้ง ว่า ‘กลัวจะง่ายเกินไป’ ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นจริง แต่อาจไม่ใช่ทั้งหมด

เช่นเดียวกับหลายวิชาชีพ ความชำนาญมักเพิ่มพูนจากประสบการณ์ ดังนั้น การได้รับคำแนะนำจากผู้ที่มีเชี่ยวชาญกว่า จึงเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในชีวิตจริง อย่างที่รายการให้โอกาส นศพ. โทรหารุ่นพี่ เพื่อขอคำปรึกษาระหว่างทำภารกิจ โดยตัวช่วยนี้ก็มีเงื่อนไขการได้มาที่พิเศษ

เจมส์​ เล่าถึงเหตุผลที่รายการตัดสินใจ ใช้ ‘จริยธรรมแพทย์’  เช่น การแนะนำตัว การปฏิบัติต่อคนไข้ มาแปรผันเป็นคะแนนพิเศษ เพื่อแลกเป็นตัวช่วยในการขอรับคำปรึกษา ก่อนที่ เอ๋ย จะเสริมว่า นอกจากความรู้ ต้องมาคู่กับจริยธรรม คือโจทย์ที่ทีมทำงานรับรู้ตั้งแต่ต้น ก่อนจะพยายามคิดหาวิธี และจังหวะเวลาที่เหมาะสมในการสอดแทรก

“เกมเป็นเกมเร็ว แล้วถ้าน้องปฏิบัติกับคนไข้ เพราะคิดว่าเป็นเกมละ เลยเป็นที่มาว่า ไม่หักคะแนนในเกมปกติ ตอบถูกเร็วก็ชนะไป แต่มีคะแนนโบนัสตรงนี้ ที่จะเป็นผลประโยชน์ให้” เอ๋ย เล่า

ถึงจะมีตัวช่วยแล้ว แต่ผู้เข้าแข่งขันก็ต้องวางแผน เพื่อใช้ประโยชน์ได้คุ้มค่าที่สุด อย่างที่ กอล์ฟ เล่าว่า ภายในเวลา 2 นาที แค่เล่าโจทย์ก็เสียเวลาไปแล้ว เลยตั้งใจซักประวัติกับตรวจร่างกายด้วยตัวเองให้เร็วที่สุดก่อน และระหว่างรอผลการตรวจ จึงจะโทรหารุ่นพี่ เพื่อขอความช่วยเหลือในขั้นตอนวินิจฉัยโรค

ทั้งนี้ ระหว่างทางยังมีสิ่งนี้ที่ นศพ. และคนดูทางบ้านได้เรียนรู้ และตระหนักไปพร้อมกัน นั่นคือ ขั้นตอนการส่งแล็บตรวจโรค ที่สะท้อนถึง ‘การจัดการทรัพยากรอย่างสมเหตุสมผล’

หมอโจ๊ก อธิบายว่า นี่เป็นเรื่องสำคัญลำดับต้นๆ ในทางการแพทย์ ที่ไม่ใช่ข้อจำกัดเรื่อง ‘ค่าใช้จ่าย’ เพียงอย่างเดียว 

“ยกตัวอย่างปวดหลัง ส่ง MRI ทุกคน เรารู้เลยว่าเป็นอะไร ค่าใช้จ่ายก็ส่วนหนึ่ง แต่ประเทศเรามีเครื่องมือจำกัด อย่างศิริราชขนาดคิดแล้วคิดอีก คิวยังหลายเดือนเลย ถ้าเราไม่กรองก่อน ส่งหมด คนจำเป็นจริงก็ไม่ได้ใช้”

ทั้งหมดทั้งมวล หมอโจ๊ก ยกเครดิตให้กับทีมงาน ที่เสนอไอเดียของการปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง (Fellow) หรือแพทย์ประจำบ้าน (Resident)  “ในทางชีวิตจริงก็เหมือนกัน ออกไปเป็นแพทย์ช่วงแรก เรายังต้องปรึกษารุ่นพี่ก่อน อะไรที่เราไม่มั่นใจ ทำไปเองบางครั้งอันตราย” หมอโจ๊ก ย้ำ

 

‘ให้คำปรึกษา’ โจทย์หินเสียยิ่งกว่าวินิจฉัยโรค

“ถ้าผมเป็นเขาผมอยากได้ยินอะไร” กอล์ฟ อธิบายถึงสิ่งที่เขาคิดอยู่ในใจ ระหว่างที่ต้องแจ้งข่าวร้ายคนไข้ ควบคู่ไปกับการวางแผนรักษา ท่ามกลางบรรยากาศจริงเสียยิ่งกว่าจริง เพราะขึ้นชื่อว่า Workpoint ผู้ป่วยสมมติ ก็ถ่ายทอดอารมณ์เต็มที่

ทั้งนี้ ทีมจุฬาฯ ซึ่งมีโอกาสได้ผ่านบททดสอบดังกล่าว นับว่ารับมือได้อย่างดี ถึงแม้จะออกตัวว่า พวกเขาไม่ใช่คนแรกที่ต้องรับ ในช่วงเวลานี้ เพียงแต่ได้สังเกตจากอาจารย์และแพทย์รุ่นพี่ ร่วมกับการฝึกปฏิบัติในห้องเรียน

ณะที่ ต้นน้ำและกาณฑ์ แบ่งปันต่อว่า ถ้าพวกเขามีโอกาสทำภารกิจนี้ ก็จะปรับใช้สิ่งที่เรียนมา อย่างการชวนผู้ป่วยสำรวจการรับรู้เรื่องโรค ว่าคิดว่าน่าจะเป็นอะไร หรือเคยเห็นใครเป็นบ้างไหม เป็นต้น

กาณฑ์ ยังเล่าถึงครั้งที่มีโอกาสพูดคุยกับญาติคนไข้ระยะกึ่งสุดท้าย ถึงความต้องการหากต้องช่วยฟื้นคืนชีพผู้ป่วย ซึ่งตอนนั้นก็รู้สึกตื่นเต้นแล้ว

“ถ้าเป็นฐานะคนดู เราก็คิดว่าเป็นโรคอะไรไง น้องตอบถูกก็จบแล้ว แต่อาจารย์บอกไม่ใช่นะ มันมีขั้นตอนจัดการส่งที่ไหน ปรึกษาแผนกอะไร พอคุณหมอบอกมาว่ามันมีตรงนี้ (แจ้งข่าว) ฟังก็ทึ่ง” เอ๋ย เล่าย้อนถึงที่มาของภารกิจนี้

และสิ่งที่คนดูได้เห็นเพียงไม่ถึง 5 นาที ในการให้คำปรึกษาผู้ป่วยของทีมจุฬาฯ ทีมงานกระซิบว่า เรื่องจริงทุกคนตั้งใจมากๆ ไล่เรียบครบทุกขั้นตอน และใช้เวลาไปราว 30 นาทีเลยทีเดียว 

“มันจะไม่คอมพลีท ถ้าเราไม่ได้ให้คำปรึกษาหรือคำแนะนำที่ยากๆ ชีวิตจริงยากกว่าวินิจฉัยเสียอีก” หมอโจ๊ก สรุป

จะได้เจอ ‘หมอโอม หมอกอล์ฟ หมอกาณฑ์ หมอต้นน้ำ’ แบบไหน ในอนาคต?

อีกไม่นาน ทั้ง 4 คน ก็จะผ่านช่วงเวลาของ ‘เอ็กเทิร์น’ นักศึกษาแพทย์ปีสุดท้าย ที่ฝึกปฏิบัติงานในโรงพยาบาล ไปสู่ ‘อินเทิร์น’ แพทย์จบใหม่ ซึ่งตามมาด้วยภาระและความคาดหวัง ที่มากกว่าเดิม จึงอดสงสัยไปไม่ได้ว่า พวกเขาจะมีเป้าหมายในเส้นทางนี้ และมองตนเองเอาไว้ยังไงกันบ้าง

เริ่มต้นด้วย โอม มองว่า ไม่ได้ต้องการเป็นเพียงหมอที่รักษาเก่งอย่างเดียว แต่ต้องเอาใจเขามาใส่ใจเราได้ดี  “อยากเป็นหมอที่สื่อสารกับคนไข้ได้ดี นุ่มนวล…ไม่ใช่เก่งแต่ศาสตร์ แต่มีศิลปะในการคุยกับคนด้วย”

เช่นเดียวกับ กาณฑ์ ที่การมาร่วมรายการนี้ ทำให้เขายิ่งเห็นความสำคัญของการสื่อสาร โดยเฉพาะระหว่างหมอกับคนไข้ “สำคัญที่สุด คือ อยากเป็นหมอที่ถ่ายทอดความรู้ให้คนไข้ได้ เพื่อให้เข้าใจสิ่งที่ตัวเองเป็น การรักษาระยะยาว ภาพรวมประเทศเราก็น่าจะดีขึ้น”

ขณะที่ กอลฟ์ มองว่า ‘ไหวพริบ’ ในการรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด เป็นเรื่องจำเป็น ฟากฝั่งของ ต้นน้ำ กล่าวว่าจะพยายาม ‘ถ่อมตัว’ ให้เสมอต้นเสมอปลายกับทุกคน อีกทั้งพัฒนาตนเองให้เป็นแบบอย่างที่ดีในอนาคต

“ผมเองก็มีอาจารย์ที่เป็นไอดอล พี่ๆ คนอื่นๆ ก็พูดว่าเลือกเรียนเพราะอาจารย์คนนั้นคนนี้ อยากเป็นชื่อนี้ในความคิดของน้องๆ คนอื่นๆ ด้วย”

‘อยากเป็นหมอที่เก่ง’ ยังคงเป็นสิ่งที่ทุกคนปรารถนาเป็นพื้นฐานไม่ต่างกัน จึงไม่น่าแปลกใจที่ หมอโจ๊ก จะกังวลว่าคำถามที่เตรียมมาจะง่ายเกินไป

“เวลาเขามีแพชชันอะไร เขาไปได้ไกล…รู้มานานแล้วว่าเขาเก่ง แต่นี่ (The Bone) ตอกย้ำว่า นศพ. ของไทยพัฒนามาเรื่อยๆ อาจารย์อาวุโสหลายคนก็บอกมาว่า โห้ อนาคตของชาติ ไม่ใช่แค่สองทีมนี้ แต่คือทุกทีมที่มาแข่ง” หมอโจ๊ก กล่าว

นี่เองถึงทำให้ หมอโจ๊ก ชื่นชมและฝากกำลังใจถึง นศพ. ทุกคน เพื่อพัฒนาตัวเองต่อไป 

“ความกดดัน นศพ. ชินแล้ว เขาผ่านการเรียน การสอบ แต่ชีวิตจริง สิ่งที่จะช่วยได้ คือทำตัวเองให้พร้อม ทั้งในเรื่องวิชาการ การทำหัตถการ เราก็จะรับมือได้ ขอแค่เรามีสติกับทุกอย่างที่ทำ”

ไม่น่าแปลกใจ  1 ชั่วโมงในการพูดคุย จะผ่านไปเร็วขนาดนี้ เพราะกว่าจะมาเป็น ‘The Bone เก่งเข้ากระดูก By ศิริราช’ ไม่ใช่ง่ายๆ ทุกคนต่างมีเรื่องเล่า ความเห็น คำแซว จนเราสัมผัสความสุขได้ผ่านรอยยิ้ม ไม่เว้นกระทั่ง ทีมทำงานของรายการ และ เจมส์ ก็ได้ให้คำตอบที่เชื่อว่า แทนใจคนที่อยู่เบื้องหลัง ที่ต้องสู้กับความพึงพอใจของผู้ชมในทุกวัน 

เจมส์ ออกตัวว่า คนทำรายการทำมาสนุกแค่ไหน คนเล่น และคนที่สื่อสารออกไป คือผู้เล่น เขาเป็นส่วนหนึ่งทำให้รายการประสบความสำเร็จ ทีมงานจึงอยากขอบคุณผู้ชมมากๆ  เพราะถือเป็นกำลังใจสำคัญ 

“มีไม่มากนัก ที่คนดูจะเขียนชมมาถึงทีมงาน ทั่วไปคนดูก็จะชมผู้เข้าแข่งขัน กติกา แต่รายการนี้ เขาชมครบทุกองค์ประกอบ ทั้งทีมเซ็ต ไฟ กราฟิก ตัดต่อ เราได้รับ และขอบคุณมากๆ กับการเห็นคุณค่าของสิ่งนี้ ทั้งในแง่เนื้อหาที่เป็นประโยชน์ต่อคนดู และกำลังใจถึงคนทำงาน”

สนุกแบบมีสาระขนาดนี้ เสียงในหัวจึงถามออกไป ว่าจะมีโอกาสได้เห็นซีซันถัดไปหรือไม่ “คำถามมีอีกเยอะ แต่ก็ไม่รู้ควรจะมีซีซันสองต่อไหม…(ออร์โธพร้อมอยู่?)…ได้เสมอ” หมอโจ๊กตอบทิ้งท้ายอย่างนี้ คนดูก็คงต้องรอลุ้นกัน ว่าจะมี The Bone เก่งเข้ากระดูก By ศิริราช Season… หรือไม่

SmitananWriterSmitanan

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง