ซีรีส์ระดับโลกที่ “เครดิตขึ้นชื่อไทยแทบทุกบรรทัด” Alien: Earth ฉายศักยภาพของไทย ที่มีมากกว่า ‘โลเคชั่นลับ’

ซีรีส์ระดับโลกที่ “เครดิตขึ้นชื่อไทยแทบทุกบรรทัด” Alien: Earth ฉายศักยภาพของไทย ที่มีมากกว่า ‘โลเคชั่นลับ’

นับแต่รัฐบาลออกนโยบายเงินคืน ให้กับโปรดักชั่นต่างประเทศ ที่มาถ่ายทำในไทย บ้านเราก็ไปปรากฏอยู่ในภาพยนตร์ ซีรีส์และมิวสิคัลวิดีโอหลากหลายแนว แต่ความต่างของ Alien: Earth ซีรีส์ไซไฟจากค่าย FX ที่ชาวไทยรับชมได้ทาง Disney+ Hotstar คือ ไม่เพียงมีใช้สถานที่ และเป็นโปรดักชันต่างประเทศที่ลงทุนสูงที่สุด เท่าที่เคยถ่ายทำในประเทศไทยเท่านั้น 

 

มากกว่านั้น ซีรีส์นี้ ‘ถ่ายทำในไทย 100%’ รวมถึงฉากที่ถ่ายทำในสตูดิโอด้วย เท่ากับตอกย้ำศักยภาพของประเทศไทยในฐานะจุดหมายแห่งการถ่ายทำ

สำนักข่าว TODAY ได้โอกาสพูดคุยกับ คริส โลเวนสตีน และ อภินัทธ์ ศิริเจริญจิตต์ จากบริษัท Living Film ผู้อยู่เบื้องหลังการถ่ายทำ Alien: Earth ในประเทศไทย เพื่อหาคำตอบว่า ไทยไม่ได้เป็นแค่ ‘ฉากหลัง’ แต่เป็น ฐานการผลิต ที่ทีมระดับโลกไว้วางใจได้ จริงหรือไม่

[ ถ่ายไทย 100%: คำยืนยันที่เปลี่ยนภาพจำ ]

“ซีรีส์ทั้งหมดถ่ายทำที่นี่  100%  ครับ” อภินัทธ์ ย้ำตั้งต้นก่อนเล่าต่อว่า “ทุกอย่างที่คุณเห็นในซีซันแรก ทั้งถ่ายทำ และเตรียมงานเกิดขึ้นที่ประเทศไทยทั้งหมดครับ” 

นี่คือหมุดหมายใหม่ ของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทย จากการ ‘มาใช้โลเคชั่น’ สู่การยกกองถ่ายมา 100% รวมไปถึงการใช้ประเทศไทยเป็นฉากหลัง ไม่ใช่การใช้สถานที่ โดยแปลงโฉมให้เป็นประเทศอื่นอย่างที่นิยมกันก่อนหน้า

[เมืองอนาคตปี 2120 และคอนทราสต์แบบไทย]

“ซีรีส์ของเราเกิดขึ้นในปี 2120 ในโลกที่ชื้นกว่า เปียกกว่าปัจจุบัน ซึ่งผมว่าประเทศไทยก็มีคุณสมบัติที่สอดรับกับภาพนั้นอยู่แล้ว” 

คริส อธิบาย วิสัยทัศน์ของโชว์รันเนอร์ โนอาห์ ฮอว์ลีย์ ซึ่งเป็นการตั้งต้นโจทย์ ของการหาโลเคชั่น ที่มีสองโทนหลัก คือ เมืองไซไฟ และวิถีชีวิตแบบไทยๆ ที่เราคุ้นเคย 

“โนอาห์มองว่ากรุงเทพฯ เหมาะสมมาก” คริส เล่าถึงความคิดของ โชว์รันเนอร์ ที่มองว่า ‘ประเทศไทยเหมือนอนาคต’ ความหลากหลาย และความขัดกัน ระหว่าง ตึกระฟ้าดูล้ำยุค กับความไทย คือหนึ่งในจุดเด่น ที่ทำให้พวกเขารู้สึกว่าประเทศไทย เหมาะสมที่สุด จากทั้ง 9 ประเทศที่พิจารณาว่าจะยกกองไปถ่าย 

“เวนดี้ (ซิดนีย์ แชนด์เลอร์) ตัวละครหลักของเรามีอพาร์ตเมนต์ที่อยู่ริมคลองเก่า ๆ และเขาเดินทางกลับบ้านด้วยเรือหางยาว”

นอกจากนี้ ยังมีตัวละครที่มีฐานอยู่ที่เกาะเขตร้อน ซึ่งพวกเขาถ่ายทำที่กระบี่  “ผมคิดว่าประเทศไทยเข้ากับซีรีส์นี้มาก อีกอย่างคือ ก่อนหน้านี้ยังไม่มีซีรีส์ไซไฟขนาดใหญ่เรื่องไหน เลือกไทยเป็นฐานหลัก (mothership) มาก่อน จึงทำให้ซีรีส์นี้มีลุคที่ไม่เหมือนใคร”

[‘ความร้อนชื้น’ จุดเด่นของซีรีส์ จุดอ่อนของทีมงานและนักแสดง]

ภายใต้โปรเจกต์นี้ ที่ยาวนานมากว่าสองปีครึ่ง คริส เล่าว่า  มี ‘ทีมไทย’ เข้าร่วมสูงสุด ราว 1,600 คนในเพย์โรล และมีทีมต่างชาติ 140 คน โดยประมาณ จาก 11 ประเทศเข้ามาร่วมงานด้วย “เป็นซีรีส์ที่ซับซ้อนที่สุดเท่าที่เคยถ่ายทำ อาจจะทั้งเอเชีย แต่แน่นอนว่าซับซ้อนที่สุดที่เคยมีมาในประเทศไทยแน่ๆ” 

คริส ออกตัวถึงสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะเพื่อรองรับงานระดับนี้ ทีมสร้างถึงกับเนรมิต ฉากประมาณ 82 เซต กระจายอยู่ในสตูดิโอ 13 แห่งทั่วกรุงเทพฯ เลยทีเดียว เมื่อทุกอย่างพร้อม สิ่งถัดมาที่ต้องรับมือ ‘อุณหภูมิ’ ของบ้านเรา ซึ่งต่างชาติรู้กันดี ว่ามีแต่ร้อนและร้อนมาก และความร้อนก็เป็นหนึ่งในอุปสรรค ของการถ่ายทำ โดยเฉพาะสำหรับนักแสดง และทีมงานจากเมืองหนาว 

“ตอนแรกมันเป็นอุปสรรคมากเลยครับ อย่างที่เรารู้กันคือประเทศไทยบางทีก็ร้อน ร้อนมาก และร้อนมากที่สุด และพวกเขาก็ตัวเปียกกันมากๆ ฉะนั้นเรื่องสำคัญคือการอำนวยความสะดวก” อภินัทธ์ เล่า 

นั่นเอง ทำให้กองถ่ายต้องเตรียมเต็นท์ติดแอร์ให้ทีมงานจำนวนมาก หรือแม้แต่เช่าเรือยอชต์ ไม่ใช่เพื่อเข้าฉาก แต่เพื่อให้นักแสดงพร้อมทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งสะท้อนถึงรายละเอียด และการเตรียมความพร้อมให้กับนักแสดงก่อนถ่ายทำ

[จาก ‘โลเคชั่นลับ’ สู่ ‘ฮับ’ ที่โลกยอมรับ]

ย้อนกลับไป คริส ในฐานะฟรีแลนซ์ เคยมาทำงานภาพยนตร์ในไทย ตั้งแต่ยุค 90s จึงเล่าถึงการเปลี่ยนแปลงไทย จากโลเคชั่นลับสู่ฮับการถ่ายทำไว้อย่างน่าสนใจ 

“ประเทศไทยเคยเป็น ‘ความลับที่ถูกเก็บงำ’ มานาน แต่ตอนนี้ไม่ใช่อีกต่อไป ทุกคนรู้จักประเทศไทย ในฐานะศูนย์กลางการถ่ายทำ ผมว่าทุกวันนี้ ไทยคือฮับการสร้างภาพยนตร์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จริงๆ”

ถึงทำให้หลายประเทศเลือกไทยเป็นเป้าหมาย และตลอดเกือบ 30 ปีที่ผ่านมา คริส เป็นคนหนึ่งที่เห็นพัฒนาการของอุตสาหกรรมชัดเจน แถมยังชื่นชมว่า ทีมงานไทยเก่งขึ้นมาก 

“วินัยการทำงานของคนไทยยอดเยี่ยม งานนี้ทีมก่อสร้างของเราเป็นคนไทย 100% และคุณจะเห็นได้เลย ว่าฉากที่เราสร้างเป็นระดับเวิลด์คลาส มันน่าทึ่งจริง ๆ ทั้งหมดนี้คือผลสะสมจากการทำงานหลายปี” คริส กล่าว  

ยิ่งกว่านั้น ในฐานะคนในแวดวง คริส มองว่า นี่คือโอกาสแท้จริง เพราะไทยมีทั้งทีมงานที่ดี โครงสร้างพื้นฐานที่ดี  “สิ่งที่เราต้องทำก็แค่เป็นเหมือน ‘ทูต’ ของประเทศ บอกว่า ‘เฮ้ ดูสิว่าไทยทำอะไรได้บ้าง’ และผมคิดว่าเมื่อ Alien: Earth ออกอากาศมันจะโชว์ให้โลกเห็นจริง ๆ ว่าไทยทำอะไรได้บ้าง”

ก่อนที่ อภินัทธ์ จะเสริมว่า เหตุผลที่ไทยกลายเป็นความลับที่ถูกเก็บงำมานาน ส่วนหนึ่งก็เพราะธรรมชาติของผู้คน ซึ่งถ่อมตัวมาก ไม่ค่อยพูด ไม่ค่อยโชว์ ดังนั้น Alien: Earth จะบอกเล่าแทน

“นี่คือเวทีสำหรับทีมงาน ที่ทำงานกับโปรดักชันนานาชาติมากว่า 20 ปี ให้ได้มีเวทีโชว์ว่าพวกเขาทำอะไรได้ แล้วพอถึงช่วงเครดิต คุณจะเห็นเลย มันจะดูแปลกตา ที่คุณเห็นชื่อคนไทยแทบทุกบรรทัด ในทุกแผนก ทุกคนจะภูมิใจมาก”  อภินัทธ์ ย้ำ

[ไทยประเทศที่มีมากกว่าทิวทัศน์ และศักยภาพการทำภาพยนตร์ระดับโลก]

แม้ว่าจุดเด่นขอไทยจะยังเป็นภูมิประเทศ ทิวทัศน์ และวัฒนธรรม ที่คนจะนึกถึง เมื่อจะถ่ายทำภาพยนตร์ที่เนื้อเรื่องตั้งอยู่ในเขตเมืองร้อน แต่ Alien: Earth ทำให้เห็นถึงศักยภาพของประเทศ ที่สามารถทะยานไกลไปได้มากกว่านั้น 

คริส กล่าวถึงประเด็นนี้ว่า ไทยถูกมองเป็น ‘ประเทศโลเคชั่น’ มานาน ถ้าบทต้องการบรรยากาศเขตร้อน วัด หรือชายหาด ก็จะนึกถึงประเทศไทย แต่ถ้าพูดถึง ‘การสร้างยานอวกาศ’ ไทยคง ไม่ใช่ตัวเลือกที่นึกถึง

“ผมคิดว่าในสายตาชุมชนสากล สิ่งนี้จะเปลี่ยนไปจริงๆ และใน Alien: Earth เราถ่ายสัดส่วน 80% สตูดิโอ 20% โลเคชั่น หมายความว่า 80% ของงานคือฉากสร้าง ที่จริงจะไปสร้างที่ไหนในโลกก็ได้”

ก่อนตัดสินใจ Disney และ FX เล็งไว้ถึง 9 ประเทศทั่วโลก ก่อนจะมาจบที่ไทย ด้วยไม่ใช่เหตุผลแค่เพราะโลเคชั่น “ส่วนใหญ่ๆ เลยเพราะเรามีทีมระดับเวิลด์คลาส เวที สตูดิโอ โครงสร้างพื้นฐานระดับเวิลด์คลาส และอุปกรณ์พร้อม จนวันนี้ ทีมสร้างหนังจากต่างชาติจะมองเห็นว่า ‘ถ้ามาถ่ายทำที่นี่ คุณจะถ่ายได้แทบทุกอย่าง’”

[การอยู่ใน top of mind เมื่อนึกถึงการถ่ายทำภาพยนตร์]

แน่นอนว่า ประเทศไทยไม่ใช่แค่ที่เดียว ที่มีมาตรการสนับสนุน ให้กองถ่ายต่างประเทศมาถ่ายทำ และการแข่งขันก็ดูจะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ อย่างไรก็ดี อภินัทธ์ ยังคงมั่นใจว่า ไทยจะสามารถเป็นจุดหมายการถ่ายทำระดับโลกได้ “พวกเรากำลังเดินหน้าไปสู่เป้าหมายนั้นตลอดเวลาครับ ด้วยการสนับสนุนจากทุกภาคส่วน…เราปรับปรุงทุกอย่างที่ทำได้อย่างต่อเนื่องเพื่อให้ขึ้นไปถึงระดับนั้น” 

ขณะที่ คริส มองว่า ไทยไปถึงจุดนั้นแล้ว ผ่านการตัดสินใจในครั้งนี้

“โปรดักชันไซไฟขนาดใหญ่ อย่าง Alien: Earth เดิมทีเขามักจะเลือก แอลเอ แวนคูเวอร์ บูดาเปสต์ หรืออาจเป็นแอฟริกาใต้ ผมคิดว่าตอนนี้กรุงเทพฯ อยู่บนแผนที่นั้นแล้ว…เราอยู่ตรงนั้นแล้ว” 

ถึงตอนนี้ คำถามต่อไปอาจไม่ใช่การได้มาซึ่ง ‘สถานะจุดหมายการถ่ายทำ’ อีกแล้ว ทว่า คือ ต้องทำอย่างไร ถึงจะพัฒนาอย่างต่อเนื่อง  รักษาตำแหน่งในใจของคนทำภาพยนตร์ในเวทีโลกไว้ได้

และที่จะพลาดไม่ได้ วันนี้เราสามารถชื่นชมความสำเร็จประเทศไทย ทีมงานไทย และเรื่องราวของ Alien: Earth ได้ทาง Disney+ Hotstar

วาดฝัน Writerวาดฝัน

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง