สถานะของ ‘แดร็กควีน’ ในสังคมอเมริกัน กำลังไต่อยู่บนเส้นด้าย เพราะฝ่ายอนุรักษนิยมกำลังออกกฎหมายโดยตีความว่า ‘แดร็กควีน’ เป็นภัยคุกคามทางเพศต่อเยาวชน จนเกิดกระแสคัดค้านอย่างรุนแรงจากอีกฝ่าย
หลายคนคงรู้จัก ‘แดร็กควีน’ มาจากรายการทีวีอย่าง RuPaul’s Drag Race รายการประกวดแข่งขันเพื่อเฟ้นหา แดร็กซูเปอร์สตาร์ ที่ดำเนินมากว่า 10 ปี ออกฉายในหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทยที่ได้ลิขสิทธิ์จัดทำรายการถึง 2 ซีซัน
คำว่า ‘แดร็ก’ (DRAG) ของ ‘แดร็กควีน’ มีความหมายตรงตัวว่า การแต่งตัวให้เหมือนผู้หญิง (Dressed Resembling a Girl) ซึ่งเปิดกว้างให้คนทุกเพศเข้าถึงได้ แต่ตั้งแต่อดีต การนำเสนอของแดร็กมาพร้อมกับการต่อสู้เพื่อสิทธิของกลุ่ม LGBTQIA+ ที่เมื่อก่อนไม่เป็นที่ยอมรับอย่างในทุกวันนี้
ทำให้ในรายการที่เกี่ยวกับแดร็ก เช่น RuPaul’s Drag Race กลายเป็นการแข่งขันที่เป็นกระบอกเสียงให้กับกลุ่ม LGBTQIA+ ไปโดยปริยาย จากข้อความที่ถูกถ่ายทอดผ่านการแข่งขัน รวมถึงจุดยืนเรื่องความเทียมทางเพศและเชื้อชาติ ที่ถูกหยิบจับมาเป็นประเด็นถ่ายทอดสู่สังคมเสมอมา
แต่ความนิยม ‘แดร็กควีน’ ในสังคมอเมริกันตอนนี้ กำลังถูกท้าทายจากฝ่ายอนุรักษนิยมหลายรัฐในสหรัฐอเมริกา ที่ประกาศใช้กฎหมายซึ่งส่งผลกระทบอย่างมากกับวงการแดร็กควีนและกลุ่ม LGBTQIA+
โดยสมาชิกสภานิติบัญญัติ ซึ่งนำโดยนักการเมืองจากพรรครีพับลิกันได้เริ่มบังคับใช้กฎหมายที่มีเป้าหมายในการจำกัดหรือเซนเซอร์การแสดงของแดร็กควีน โดยการออกกฎหมายดังกล่าวเริ่มได้รับการอนุมัติใช้ใน 8 รัฐแล้ว ได้แก่ แอริโซนา อาร์คันซอ มิสซูรี เนแบรสกา เซาท์แคโรไลนา เทนเนสซี เทกซัส และเวสต์เวอร์จิเนีย
กฎหมายฉบับนี้จะมีผลจำกัดการแสดงที่เข้าข่าย ‘เป็นอันตรายต่อผู้เยาว์’ โดยนักเต้นอะโกโก้ นักเต้นระบำเปลื้องผ้า และการแสดงเลียนแบบชายหรือหญิงในที่สาธารณะหรือสถานที่ที่เด็กสามารถดูได้
ผู้สนับสนุนกฎหมายนี้เห็นว่า การแสดงของแดร็กควีน มีจุดมุ่งหมายเพื่อล่อลวงหรือคุกคามทางเพศต่อเยาวชน
นายคริส ท็อดด์ สมาชิกสภานิติบัญญัติ หนึ่งในผู้สนับสนุน ถึงกับเรียกการแสดงของแดร็กควีนว่า “การล่วงละเมิดเด็ก” แม้ว่าในเนื้อหาการแสดงจะไม่ได้มีอะไรที่เกี่ยวข้องกันเลยก็ตาม
ขณะที่ฝ่ายเพศหลากหลายแย้งว่า กิจกรรมเหล่านี้เหมาะสมกับวัย อีกทั้งยังสอนให้เด็ก ๆ รับรู้ถึงความแตกต่างมีอยู่ในสังคมอีกด้วย
การก่อตัวของฝ่ายอนุรักษนิยมที่ต่อต้านแดร็กควีน ไม่ได้มีแค่การออกกฎหมายเท่านั้น แต่ยังมีข้อสังเกตด้วยว่า มีขบวนการต่อต้านแดร็กควีนในรูปแบบอื่นๆ เกิดขึ้นพร้อมกันด้วย
สมาคมนักเขียนอเมริกา (PEN America) มองว่า การออกกฎหมายต่อต้านการแสดงแดร็ก เกิดขึ้นพร้อมกับวาทกรรมทางการเมืองที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการแสดงของแดร็กควีน และกิจกรรมเล่านิทานในห้องสมุดสาธารณะโดยแดร็กควีน ตลอดจนการประท้วงหรือการก่อกวนกิจกรรมของแดร็กควีนที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นในระยะหลังมานี้
“เราเห็นการประท้วงจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ และตอนนี้เรากำลังเห็นการผลักดันนโยบายเพื่อจำกัดสิทธิการแสดงออกของแดร็กควีนและกลุ่มเพศหลากหลาย แต่สิ่งที่กฎหมายเหล่านี้ให้ผล แตกต่างไปจากการถกเถียงกันของผู้คนในสังคมอย่างมาก” เคท รูแอน ประธานสมาคมนักเขียนอเมริกา กล่าว
แถลงการณ์ของสมาคมนักเขียนอเมริกา ชี้ว่า “การจำกัดการแสดงของแดร็กควีน ถือเป็นการลิดรอนสิทธิในการรวมตัวกัน การเล่านิทาน และการแสดงเข้าด้วยกัน ซึ่งการแสดงของแดร็กควีน คือการแสดงออกทางศิลปะและความคิดสร้างสรรค์ที่ควรปราศจากการปราบปรามของรัฐบาล”
ซูซาน นอสเซล ประธานกรรมการบริหาร สมาคมนักเขียนอเมริกา ระบุว่า แดร็กควีน ก็ไม่ต่างไปจากการแสดงตลก, การแสดงละคร, หรือการแสดงสำหรับผู้ใหญ่ โดยความสามารถในการแต่งองค์ทรงเครื่องเพื่อสวมบทบาทเป็นคนอื่น นับเป็นการแสดงออกทางศิลปะอย่างแท้จริง เพราะฉะนั้นการจำกัดสิทธิของแดร็ก ก็ไม่ต่างจากการทำให้เสรีภาพตามรัฐธรรมนูญอเมริกันตกต่ำลง
ที่มา:










