ในงาน WWDC งานเปิดตัวเทคโนโลยีของ Apple มีจุดหนึ่งที่หลายคนจับสังเกตได้คือ ไม่มีใครบนเวทีพูดคำว่า AI ออกมาเลย ใช้คำว่า machine learning แทน สวนทางกับ Google และ Microsoft ที่พูดคำว่า AI ออกมานับไม่ถ้วน
ยกตัวอย่างตอนที่ Craig Federighi ประธานฝ่ายซอฟต์แวร์ แนะนำความสามารถใหม่ใน iOS 17 autocorrect หรือการทำให้แป้นพิมพ์ฉลาดขึ้น แก้ไขข้อความอัตโนมัติ ก็เลี่ยงไม่ใช้คำว่า AI แต่ใช้คำว่า machine learning แทน
ในคีย์โน้ต Apple ใช้คำว่า machine learning ในการอธิบายหลายครั้ง เช่นอธิบาย หน้าจอล็อกของ iPad ใช้ machine learning ในการปรับแต่งเฟรมให้เหมาะสมเมื่อใช้ Live Photo, ฟีเจอร์ iPadOS PDF ใช้ machine learning ในการ AutoFill หรือเติมข้อความชื่อที่อยู่ให้โดยเราไม่ต้องพิมพ์
หรือแม้แต่แอปใหม่ Journal ที่ระบบจะเลือกภาพ กิจกรรมของเราที่เราถ่ายไว้ มาจัดกลุ่มอัตโนมัติเพื่อให้เราเขียนไดอารี่ ซึ่งดูเหมือนว่า AI จะมีบทบาท แต่ Apple ก็เลี่ยงไม่ใช้คำว่า AI
Apple ได้เปิดตัวชิป Apple Silicon ที่ทรงพลังที่สุดคือ M2 Ultra ซึ่งมี CPU มากถึง 24 คอร์, GPU 76 คอร์ และ Neural Engine 32 คอร์ ประมวลผลได้ 31.6 ล้านล้านรายการต่อวินาที ซึ่ง Apple กล่าวว่า แสดงถึงประสิทธิภาพที่เร็วกว่า M1 Ultra ถึง 40%
ซึ่ง Apple บอกด้วยว่า พลังนี้อาจมีประโยชน์สำหรับการฝึกอบรม “large transformer models” ขนาดใหญ่ ซึ่ง Apple สามารถพูดได้เต็มปากว่าคือ AI แต่ก็เลี่ยงที่จะไม่พูด
ในขณะที่ “AI” เป็นคำที่กำกวมมาก ในทางหนึ่งมันหมายถึงระบบที่ก้าวหน้า โดยเฉพาะ Generative AI อย่างที่เห็นกันใน ChatGPT, Microsoft Bing, Dall-E, Bard แต่ก็มีหลายครั้งที่นำไปใช้กันกว้างขวางและมากจนดูโฆษณาเกินจริง
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
