‘แอสตร้าเซนเนก้า’ ยืนยันวัคซีนของบริษัทมีประสิทธิภาพป้องกันอาการป่วยจากไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์แอฟริกาใต้ ชี้การทดลองกับมนุษย์เป็นกลุ่มขนาดเล็ก ยังไม่สามารถสรุปประสิทธิผลได้ หลังมีงานวิจัยชี้วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้ามีประสิทธิภาพต้านไวรัสสายพันธุ์แอฟริกาใต้ได้เพียง 10.4%
วันที่ 19 มีนาคม 2564 บริษัทแอสตร้าเซนเนก้า ออกแถลงการณ์ว่า วัคซีนโควิด-19 ที่ทางบริษัทพัฒนาขึ้น มีงานวิจัยยืนยันถึงประสิทธิผลต่อเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์อังกฤษ (B.1.1.7) ในระดับเดียวกับสายพันธุ์อื่นๆ ที่พบทั่วโลก และการทดลองในห้องปฏิบัติการเบื้องต้นยังพบว่า วัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้า มีประสิทธิผลต่อเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์บราซิล (P.1) ในระดับใกล้เคียงกับสายพันธุ์อังกฤษเมื่อนำมาใช้จริง
ขณะที่ประสิทธิผลต่อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์แอฟริกาใต้ (B.1.351) ผลวิเคราะห์จากการทดลองในกลุ่มขนาดเล็ก ยังไม่สามารถสรุปประสิทธิผลต่อไวรัสสายพันธุ์ดังกล่าวได้ เนื่องจากผู้เข้าร่วมการทดลองส่วนใหญ่มีอายุเฉลี่ย 30 ปี และมีสุขภาพแข็งแรง จึงไม่พบการเกิดโรครุนแรงหรือการเจ็บป่วยที่ต้องเข้านอนรับการรักษาในโรงพยาบาล ทั้งกลุ่มที่ได้รับวัคซีนและกลุ่มควบคุม
ขณะที่ผลการศึกษาก่อนการทดลองในมนุษย์แสดงให้เห็นว่า วัคซีนป้องกันโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้า มีประสิทธิภาพในการป้องกันอาการป่วยจากเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์ดังกล่าว โดยมีระดับความสามารถในการป้องกันและกําจัดไวรัสในระบบทางเดินหายใจส่วนล่าง (lower respiratory tract) โดยจะมีการทำการวิเคราะห์ทางคลินิกถึงประสิทธิภาพของวัคซีนในการป้องกันโรครุนแรงจากสายพันธุ์นี้เพิ่มเติมต่อไป
แถลงการณ์ของบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า ยังระบุถึงคณะที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านภูมิคุ้มกันขององค์การอนามัยโลก (SAGE) แนะนำให้ใช้วัคซีนป้องกันโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้าในกลุ่มประเทศที่พบการแพร่เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ รวมถึงเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์แอฟริกาใต้ (B.1.351)
แถลงการณ์ฉบับนี้เกิดขึ้นหลังมีงานวิจัยเผยแพร่ผ่านวารสาร The New England Journal of Medicine ว่า วัคซีนโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้า มีประสิทธิภาพต้านไวรัสสายพันธุ์แอฟริกาใต้ได้เพียง 10.4% ซึ่ง workpointTODAY เพิ่งสรุปกรณีดังกล่าว ติดตามอ่านได้ที่นี่
