กรุงเทพมหานคร, Google ประเทศไทย หอการค้าอเมริกันในประเทศไทย และบริษัทเอกชน เปิดตัวโครงการรับบริจาคแลปท็อป โน้ตบุ๊กที่ไม่ใช้งานแล้ว เพื่อนำมาลงระบบ Chrome OS Flex ใหม่ และนำไปใช้ในโรงเรียนสังกัด กทม.
โดยทาง กทม. เปิดเว็บไซต์ /digitalclassroom.bangkok.go.th/ เพื่อเป็นช่องทางรับบริจาค เมื่อบริจาคแล้ว มูลนิธิกระจกเงาบำรุงรักษาเครื่องและติดตั้งระบบปฏิบัติการใหม่ ให้โรงเรียนนำไปใช้ต่อไป
ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า จริงๆ แล้ว การจัดซื้อคอมพิวเตอร์ให้โรงเรียนสามารถทำได้ แต่เมื่อพิจารณาจากปัญหาขยะอิเล็กทรอนิกส์ ที่มีอยู่ 4 แสนตันต่อปีนั้น การรับบริจาคแลปทอปเก่าน่าจะดีกว่า เพราะซื้อใหม่ก็อาจเพิ่มปัญหาขยะอิเล็กทรอสนิกส์
ศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เล่าให้ฟังว่า ที่ผ่านมาได้นำร่องแล้วที่โรงเรียนไทยนิยมสงเคราะห์ นำคอมพิวเตอร์มาพัฒนาห้องเรียนระดับชั้น ป.4 แบบ 1 คนต่อ 1 เครื่อง ทำให้เป็นห้องเรียนดิจิทัล จัดการเรียนการสอน 7 วิชา ด้วย Google Workspace for Education คือ คณิตศาสตร์, ประวัติศาสตร์, วิทยาศาสตร์, ภาษาไทย, ภาษาอังกฤษ, คอมพิวเตอร์, ดนตรี เปลี่ยนการเรียนการสอนการจดตามที่สอน ทำการบ้าน มาเป็นการเรียนแบบ active มากขึ้น
ซึ่งเมื่อได้วัดผลจากคะแนนวิชาต่างๆ พบว่า เด็กๆ ทำคะแนนสูงกว่าห้องที่ไม่ได้นำร่องโครงการ และจากการสังเกตการณ์ของครู พบว่านักเรียนมีความช่ำชองการใช้เทคโนโลยีมากขึ้น มีความอยากรู้อยากเห็นมากขึ้น สกิล ICT สูงขึ้น เป็นต้น
สำหรับเป้าหมาย ใน 4 ปีข้างหน้า จะได้รับบริจาคคอมพิวเตอร์เก่า 130,000 เครื่อง เพื่อนำมาช่วยสร้างการเรียนรู้แบบ Active Learning ให้กับนักเรียนในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานครตั้งแต่ระดับชั้นประถมศึกษาที่ 4 – ระดับมัธยมศึกษาปีที่ 1 ทุกคน ซึ่งครอบคลุมถึง 437 โรงเรียน
สำหรับการเปลี่ยนแลปท็อป มาติดตั้ง ChromeOS Flex นั้น คือการติดตั้งระบบปฏิบัติการใหม่ สามารถติดตั้งได้ทั้ง Mac และพีซี รันบนระบบคลาวด์เป็นหลัก ซึ่งทาง Google บอกว่าเป็นระบบที่ปลอดภัย ยังไม่เคยโดนโจมตีจากภัยไซเบอร์
ไมค์ จิตติวาณิชย์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดด้านแบรนด์ Google ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า ตั้งแต่ปี 2018 ที่ Google เปิดตัวโครงการ Be Internet Awesome ซึ่งมีการอบรมบุคลากรการศึกษา และนักเรียนเพื่อเข้าถึงเครื่องมือดิจิทัลไปแล้วกว่า 3.4 ล้านคน เริ่มนำ ChromeOS Flex มาใช้ในพื้นที่การศึกษาตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา และโครงการนี้ ถือเป็นเฟสล่าสุดของโครงการ ที่จะลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำ ในการเข้าถึงฮาร์ดแวร์
ในเว็บไซต์ digitalclassroom.bangkok.go.th แสดงข้อมูลในช่วงเวลานั้นๆ ว่า ได้รับบริจาคแล้วกี่เครื่อง พร้อมเซ็ตเป้าหมายไว้ที่ 130,000 เครื่อง ซึ่งตอนนี้เริ่มมีการบริจาคเจ้ามาแล้วจาก บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส และบริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ร่วมบริจาคจำนวน 300 เครื่อง
ส่วนสเปกเครื่องที่สามารถนำมาบริจาคได้คือ ต้องเป็นแลปท็อปที่มีสภาพสมบูรณ์ พร้อมที่ชาร์จ, แบตเตอรี่ใช้งานได้ต่อเนื่อง 60 นาที, RAM 4 GB ขึ้นไป ความจุไม่น้อยกว่า 16 GB, มีกล้องหน้า ไมโครโฟน ลำโพง เชื่อมต่ไวไฟได้ (ในกรณีที่สภาพไม่สมบูรณ์ จะส่งไปให้มูลนิธิกระจกเงาซ่อมแซมก่อน)
