ตำรวจบังกลาเทศบุกจับหนุ่มใหญ่วัย 43 ปี เจ้าของคลินิก 2 แห่งในกรุงธากา หลังออกผลตรวจโควิดปลอมมากกว่า 6 พันใบ
สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นและอัลจาซีร่ารายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจบังกลาเทศได้บุกเข้าจับกลุ่มนายโมฮัมหมัด ชาเฮ็ด วัย 43 ปี เจ้าของสถานพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในกรุงธากา ขณะที่นายชาเฮ็ดหลบหนีข้ามแม่น้ำไปยังประเทศอินเดีย ตามรายงานระบุว่า นายโมฮัมหมัด ชาเฮ็ดได้ทำการออกใบรับรองผลการตรวจเชื้อไวรัสโควิด-19 ปลอม ให้กับชาวบังคลาเทศที่ต้องการเดินทางไปต่างประเทศ
ด้าน พ.อ. Ashique Billah โฆษกหน่วยเคลื่อนที่เร็วของบังกลาเทศกล่าวว่า นายชาเฮ็ดเป็นเจ้าของสถานพยาบาล 2 แห่ง ที่ดำเนินกิจการอยู่ในกรุงธากา โดยตลอดช่วงที่ไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาด สถานพยาบาลของนายชาเฮ็ดทั้ง 2 แห่ง ออกผลตรวจโควิดให้ประชาชนที่เข้าทำการตรวจมากกว่า 15,000 ใบ โดยผลตรวจจำนวน 4,000 ใบ เป็นผลตรวจที่ถูกต้อง ขณะที่ผลตรวจอีกจำนวนกว่า 6,500 คือผลตรวจปลอมที่ไม่ได้เข้ารับการทดสอบเชื้อจริงๆ
นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังพบหลักฐานว่าสถานพยาบาลของนายชาเฮ็ดเรียกเก็บเงินค่าใบรับรองผลตรวจโควิดเป็นจำนวนมากกว่า 350,000 เหรียญสหรัฐฯ ทั้งที่สถานพยาบาลของเขามีข้อตกลงกับรัฐบาลว่าจะไม่เรียกเก็บเงินจากผู้ที่มาใช้บริการตรวจ โดยเมื่อสัปดาห์ที่แล้วอิตาลีได้ระงับเที่ยวบินไปยังกรุงโรมจากบังคลาเทศ หลังจากทางการอิตาลีตรวจพบว่าผู้โดยสารหลายคนที่เดินทางมาจากบังกลาเทศมีผลทดสอบเป็นบวก
ด้านนายจอห์น เฟลมิง จากสหพันธ์สภากาชาดและสภาเสี้ยววงเดือนแดงระหว่างประเทศ ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกกล่าวว่า “ไวรัสโควิด-19 กำลังแพร่กระจายอย่างรวดเร็วในอัตราที่น่าตกใจในภูมิภาคเอเชียใต้ ซึ่งเป็นบ้านของประชากรจำนวนกว่า 1 ใน 4 ของโลก เราต้องหันมาให้ความสำคัญกับภูมิภาคนี้อย่างเร่งด่วน พร้อมทำจัดเตรียมมาตรการต่างๆ เพื่อช่วยชีวิตคนจำนวนมาก”
ตามรายงานระบุว่าอุตสาหกรรมเสื้อผ้าและเครื่องนุ่งห่ม สิ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของบังกลาเทศได้รับผลกระทบอย่างหนักในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 สมาคมผู้ผลิตและส่งออกเสื้อผ้าแห่งบังคลาเทศเผยกับซีเอ็นเอ็นเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมาว่า ยอดสั่งซื้อสินค้ามูลค่ากว่า 3.17 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ถูกระงับและยกเลิกคำสั่งซื้อ ขณะเดียวกันโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าทั่วประเทศต้องปลดคนงานออกมากกว่า 4.1 ล้านคน
สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในบังกลาเทศล่าสุด มีผู้ติดเชื้อ 196,323 ราย เสียชีวิตแล้ว 2,496 ราย และรักษาหายแล้ว 106,963 ราย
