ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยกตัวอย่างบุตรชายที่ติดโควิด-19 แต่อาการไม่หนัก และไม่พบเชื้อในร่างกาย เป็นเหตุผลให้สหรัฐฯ ควรเปิดให้เด็กเข้าเรียนในโรงเรียนได้แล้ว
นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวในการปราศรัยที่รัฐไอโอวา โดยยกกรณีที่บาร์รอน ทรัมป์ บุตรชาย ป่วยโรคโควิด-19 ขึ้นมาเป็นเหตุผลว่าทำไมสหรัฐฯ สมควรที่จะต้องเปิดการเรียนการสอนในโรงเรียนต่อไป
ประธานาธิบดีทรัมป์ระบุว่า บุตรชายอายุ 14 ปีของเขาตรวจพบว่ามีเชื้อไวรัสโควิด-19 ในร่างกาย และมีอาการป่วยเล็กน้อย แต่ด้วยความที่เขาเป็นหนุ่มและมีภูมิต้านทานในร่างกายที่แข็งแรง ส่งผลให้สุขภาพของบาร์รอนดีขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งก็ทำให้ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวต่อว่า นี่สะท้อนถึงการที่ผู้คนอาจติดเชื้อโควิด-19 ได้ แต่สุดท้ายเชื้อก็หายไป และเป็นเหตุผลว่าทำไมเด็กควรกลับไปเรียนที่โรงเรียนได้แล้ว
ที่ผ่านมาประธานาธิบดีทรัมป์พยายามโน้มน้าวให้หลายรัฐกลับมาเปิดการเรียนการสอนได้ตามปกติ แต่ก็มีเสียงคัดค้านอย่างหนักจากสหภาพครูที่กังวลว่า อาจมีการติดเชื้อระหว่างครูกับนักเรียนในโรงเรียนได้

นายบาร์รอน ทรัมป์ บุตรชายประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ (ขวา) และนางเมลาเนีย ทรัมป์ (ซ้าย)
ขณะที่อาการป่วยโควิด-19 ของบุตรชายประธานาธิบดีทรัมป์ ก่อนหน้านี้ นางเมลาเนีย ทรัมป์ สตรีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นแม่ของบาร์รอน ยอมรับว่า เธอรู้สึกถึงความกลัวที่กลายเป็นความจริงทันทีที่ทราบว่า บาร์รอนป่วยโรคโควิด-19 แต่โชคดีที่บาร์รอนเป็นเด็กแข็งแรง และตอนนี้ก็ไม่พบเชื้อในร่างกายแล้ว
สำหรับการรณรงค์หาเสียงในตอนนี้ ทั้งนายโดนัลด์ ทรัมป์ และนายโจ ไบเดน ต่างลงพื้นที่ในรัฐที่มีผลการเลือกตั้งไม่แน่นอน (swing states) ซึ่งถูกมองว่าเป็นรัฐที่จะชี้ขาดผลการเลือกตั้งในวันที่ 3 พฤศจิกายนนี้ ขณะเดียวกันทั้งคู่ยังมีกำหนดหาเสียงผ่านสถานีโทรทัศน์คนละช่อง หลังการประชันวิสัยทัศน์ครั้งที่ 2 ซึ่งเดิมจะจัดในวันนี้ถูกยกเลิกไป










