เมื่อเช้าวันนี้ (24 ม.ค. 2567) ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% เป็น 0.5% นับเป็นการปรับขึ้นครั้งที่ 3 ในปีนี้ และเป็นการขึ้นครั้งใหญ่ในรอบ 17 ปี (นับตั้งแต่ปี 2551)
การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้เพื่อพยายามที่จะรักษาสมดุลระหว่างการสนับสนุนเศรษฐกิจในประเทศกับการป้องกันค่าเงินเยนไม่ให้อ่อนค่าลงอีกเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ท่ามกลางความไม่แน่นอนในเศรษฐกิจโลกจากนโยบายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
[ ต้องปรับขึ้น ถ้าไม่ปรับเงินเยนจะอ่อนค่า ]
‘ฮิเดโอะ คุมาโนะ’ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จาก Dai-ichi Life Research Institute บอกว่า หาก BOJ ไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยในเดือนนี้ ค่าเงินเยนจะอ่อนค่าลงอย่างรุนแรงเมื่อเทียบกับดอลลาร์
ขณะที่ตลาดส่วนใหญ่คาดการณ์ล่วงหน้าว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้ เพราะช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ BOJ ได้ส่งสัญญาณหลายครั้งถึงความเป็นไปได้ที่อัตราดอกเบี้ยจะปรับขึ้นในเดือนมกราคม
ในรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจ (Outlook Report) ที่เผยแพร่ใหม่ BOJ ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์เงินเฟ้อในปีงบประมาณ 2026 โดยคาดว่าเงินเฟ้อพื้นฐาน (Core Inflation) จะอยู่ที่ 2.4% ในปีงบประมาณ 2025 (จาก 1.9% เมื่อ 3 เดือนก่อน) และ 2.0% ในปีงบประมาณ 2026 (จาก 1.9%) สำหรับปีงบประมาณปัจจุบันที่สิ้นสุดในเดือนมีนาคม คาดการณ์เงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 2.7% (เพิ่มจาก 2.5%)
โดยในรายงานระบุว่า “อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงยังคงอยู่ในระดับต่ำมาก หากแนวโน้มเศรษฐกิจและราคาที่นำเสนอในรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจประจำเดือนมกราคมเป็นจริง ธนาคารจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อไป และปรับระดับการสนับสนุนทางการเงินตามความเหมาะสม”
[ ความท้าทายและความระมัดระวังของ BOJ ]
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ย แต่ BOJ ก็ต้องระมัดระวังและวางแผนให้ดีเพราะว่า อัตราดอกเบี้ยต่ำของ BOJ ในอดีตส่งผลให้ค่าเงินเยนอยู่ใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 38 ปีที่ 160 เยนต่อดอลลาร์ซึ่งต้องเผชิญแรงกดดันจากรัฐบาลนายกรัฐมนตรี ‘ชิเงรุ อิชิบะ’ ให้มีส่วนช่วยแก้ปัญหาเงินเฟ้อที่ยืดเยื้อ ซึ่งส่งผลให้ครัวเรือนต้องเผชิญกับราคาสินค้าอาหารที่พุ่งสูงขึ้นตั้งแต่ปีที่แล้ว
เงินเฟ้อพื้นฐานในเดือนธันวาคมเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า เพิ่มขึ้น 3.0% ซึ่งเป็นอัตราที่เร็วที่สุดในรอบ 16 เดือน
[ ดอกเบี้ยทำต้นทุนแรงงานสูงขึ้น แต่ค่าแรงก็ยังปรับขึ้นตาม ]
สำหรับผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นอายุ 2 ปีที่ระดับ 0.7% บ่งชี้ว่าตลาดคาดการณ์การปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกเพียงครั้งเดียวเป็น 0.75% ในอีก 2 ปีข้างหน้า แม้ว่านักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่จะคาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายอาจเพิ่มขึ้นเป็น 1.0% ภายในกลางปี 2569
การปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งล่าสุดเกิดขึ้นท่ามกลางความคาดหวังว่าค่าแรงจะเพิ่มขึ้นเป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน เนื่องจากบริษัทใหญ่และสหภาพแรงงานได้เริ่มการเจรจาค่าแรงประจำปีเมื่อ 22 ม.ค. ที่ผ่านมา โดยผลการเจรจาเบื้องต้นจะรายงานในช่วงกลางเดือนมีนาคม
อย่างไรก็ตาม ความไม่แน่นอนยังคงอยู่ เศรษฐกิจจีนแม้จะมีมาตรการกระตุ้นจากรัฐบาลยังคงซบเซา ส่งผลกระทบต่อความต้องการส่งออกของญี่ปุ่น เช่น รถยนต์และเครื่องจักร ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของเศรษฐกิจโลก ก็กำลังเผชิญการเปลี่ยนแปลงนโยบายครั้งใหญ่จากประธานาธิบดีทรัมป์ ที่ขู่ว่าจะเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีน เม็กซิโก และแคนาดา รวมถึงการเก็บภาษีสินค้านำเข้าทั่วโลก ซึ่งอาจชะลอการค้าโลก
แต่ทว่าด้าน BOJ ก็มีความมั่นใจมากๆ แม้จะเผชิญวิกฤตแค่ไหนก็ยังเชื่อว่าหลายบริษัทจะปรับขึ้นค่าแรงอย่างต่อเนื่อง ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าการปรับขึ้นค่าแรงเฉลี่ยอาจชะลอตัวลงเป็น 4.74% จากระดับสูงสุดในรอบ 33 ปีที่ 5.33% เมื่อปีที่แล้ว
ที่มา :
-
-
-
- https://asia.nikkei.com/Economy/Bank-of-Japan/BOJ-raises-rate-to-0.5-as-economy-faces-key-test
-
-










