วันที่ 17 มิถุนายน 2563 ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีอังกฤษ บอริส จอห์นสัน (Boris Johnson) ปล่อยมุกขณะกำลังแถลงการณ์เรื่องข้อตกลงการค้าระหว่างสหราชอณาจักรและออสเตรเลีย เขากล่าวถึงข้อดีของการเปิดเสรีการค้าระหว่างสองประเทศ โดยเฉพาะการช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังโควิด-19 และการจ้างงาน หลังสหราชอณาจักรขอออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ขณะกำลังแถลง บอริส จอห์นสัน (Boris Johnson) ก็พูดถึงข้อดีของข้อตกลงการค้าระหว่างสองประเทศว่าจะทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนระหว่างกัน ลดภาษีการนำเข้า บางช่วงบางตอนเขากล่าวว่า
“ลองคิดถึงศักยภาพที่เราสองคนมี ผมอยากให้เราอยู่ในโลกที่เราส่งมาร์ไมท์ (Marmite) ให้คุณ และคุณส่งเวจเจไมท์ (Vegemite)ให้เรา” ทั้งสองชื่อนี้คือชื่อของแยมทาขนมปังที่มีชื่อเสียงของทั้งสองประเทศ โดยมาร์ไมท์ (Marmite) เป็นของอังกฤษ ส่วนเวจเจไมท์ (Vegemite) เป็นของออสเตรเลีย
“เราส่งเพนกวิน (ช็อกโกแลตยี่ห้อหนึ่งของอังกฤษ) ให้คุณ คุณส่งทิมแทม (ช็อกโกแลตยี่ห้อหนึ่งของออสเตรเลีย) ให้เรา” ซึ่งระหว่างที่แถลง บอริส จอห์นสัน (Boris Johnson) ก็หยิบช็อกโกแลตทิมแทมขึ้นมาชูในมือ พร้อมกล่าวว่า หากมีข้อตกลงการค้าแบบนี้ทิมแทมก็จะราคาถูกลงด้วย ไม่ดีหรือที่เราจะได้มีช็อกโกแลตทิมแทมในราคาที่ถูกลง? “หากเราทำให้ข้อตกลงนี้สามารถเกิดขึ้นได้จริง ออสเตรเลียและอังกฤษก็จะได้ใกล้กันมากกว่าที่เคย”
แม้จะเป็นความอารมณ์ขันของบอริส จอห์นสัน (Boris Johnson) แต่ก็ไม่รู้ว่านายกรัฐมนตรีตลกผิดเวลาหรือเปล่า เพราะหลังจากแถลงการณ์นี้ถูกเผยแพร่ เขาก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์จากโลกออนไลน์ในอินเทอร์เน็ตอย่างมาก เช่นจาก ชีวอน เบนนิต้า (Siobhan Benita) ตัวแทนจากพรรคเสรีประชาธิปไตย (The Liberal Democrats) เธอทวีตข้อความว่า “เป็นเวลาหลายเดือนที่เราได้รับผลกระทบจากการปิดกั้นทางการค้าและเรายังมีนายกที่เล่นโกหกตลกๆ เรื่อง บูมเมอร์แรงและขนมทิมแทม”
https://twitter.com/SiobhanBenita/status/1273187691702730752
หรือนักวิทยาศาสตร์อย่างไมค์ เกลเวิทที่ (Mike Galsworthy) ที่ออกว่าบอกว่า “ขนมบิสกิสไม่ใช่สิ่งที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของอังกฤษ”
รวมทั้งนักแสดงอย่างสตีเฟน แมคแกน (Stephen McGann) ออกมาทวีตว่า “บูมเมอร์แรง เพนกวิน ทิมแทม ขณะที่เราได้รับรายงานว่ามีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 วันนี้ถึง 233 คน”
ข้อตกลงการค้าระหว่างสองประเทศนี้ ทั้งคู่มองว่า เป็นโอกาสดีที่จะได้ผนึกกำลังด้านเศรษฐกิจระหว่างกัน โดยสก็อตต์ มอร์ริสัน (Scott Morrison) นายกรัฐมนตรีของออสเตรเลียกล่าวว่า “ข้อตกลงครั้งนี้จะนำมาซึ่งการจ้างงานที่มากขึ้น ความเติบโตด้านเศรษฐกิจและความเจริญรุ่งเรืองของทั้งสองประเทศ”
อังกฤษและออสเตรเลียได้เริ่มดำเนินการข้อตกลงทางการค้าตั้งแต่ปี 2016 ซึ่งจะมีผลในปี 2021 แต่การเจรจาข้อตกลงไม่สามารถเริ่มอย่างเป็นทางการ จนกว่าเบร็กซิท (Brexit) จะมีผลเมื่อวันที่ 31 มกราคมที่ผ่านมา โดยสหราชอณาจักรถือเป็น 1 ใน 7 คู่ค้าที่ใหญ่ที่สุดของออสเตรเลีย ซึ่งออสเตรเลียถือเป็นประเทศแรกที่เริ่มเจรจาเรื่องความเป็นไปได้ที่จะเปิดเสรีการค้ากับสหราชอณาจักร










