ประธานาธิบดีบราซิลเดือด ม็อบต่อต้านผลเลือกตั้ง บุกอาคารรัฐสภาและสถานที่ราชการสำคัญทั่วกรุงบราซิเลีย สั่งเอาผิดทุกคนที่เกี่ยวข้อง รวมถึงท่อน้ำเลี้ยงที่สนับสนุนอยู่เบื้องหลัง มุ่งเป้าอดีตผู้นำ ด้านตำรวจเข้าเคลียร์พื้นที่ จับกุมผู้ประท้วงไปมากกว่า 200 คน
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานความคืบหน้าสถานการณ์ความไม่สงบในบราซิล หลังเกิดเหตุการณ์ฝูงชนหลายพันคน ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนนายฌาอีร์ โบลโซนารู อดีตผู้นำฝ่ายขวาจัด ก่อเหตุประท้วงครั้งใหญ่ บุกเข้าสถานที่ราชการสำคัญในกรุงบราซิเลีย เมืองหลวงของประเทศ ทั้งอาคารรัฐสภา ที่ทำการศาลฎีกา และทำเนียบประธานาธิบดี เมื่อวันอาทิตย์ที่ 8 ม.ค. ตามเวลาท้องถิ่น
เหตุจลาจลรุนแรงเกิดขึ้นหลังจากที่ นายลูอิซ อินาซิอู ลูลา ดา ซิลวา สาบานตนเข้ารับตำแหน่งผู้นำบราซิลคนใหม่อย่างเป็นทางการไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังเอาชนะนายโบลโซนารู ในการเลือกตั้งประธานาธิบดี ซึ่งจัดขึ้นในเดือน ต.ค. 2565 โดยฝ่ายสนับสนุนของนายโบลโซนารูกล่าวหาว่าระบบเลือกตั้งมีช่องโหว่ให้เกิดการโกงการเลือกตั้งได้ จึงปฏิเสธผลการเลือกตั้ง และปักหลักชุมนุมอยู่ในกรุงบราซิเลียนับตั้งแต่นั้นมา
สถานการณ์การชุมนุมรุนแรงขึ้นในวันอาทิตย์ (8 ม.ค.) ผู้สนับสนุนนายโบลโซนารู หลายพันคน พากันสวมเสื้อสีเขียวและสีเหลือง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ตามสีธงชาติบราซิล พากันบุกเข้าทำลายข้าวของในอาคารที่ทำการสำคัญของรัฐบาล โดยมีการทุบกระจก ทำลายเฟอร์นิเจอร์ รวมถึงการขโมยรัฐธรรมนูญฉบับปี 1988 และปืนจากอาคารสำนักงานรักษาความปลอดภัยของประธานาธิบดีไป อีกทั้งยังมีรายงานด้วยว่า มีงานศิลปะหลายชิ้นได้รับความเสียหาย
อย่างไรก็ตาม ขณะเกิดเหตุ ประธานาธิบดีลูลาไม่ได้อยู่ในทำเนียบประธานาธิบดี เนื่องจากเดินทางไปปฏิบัติภารกิจที่รัฐเซาเปาโล แต่ก็ได้ออกมาประณามการประท้วงครั้งนี้ว่า “ไม่เคยมีแบบอย่างมาก่อนในประวัติศาสตร์ประเทศเรา การใช้ความรุนแรงเป็นการกระทำของพวกป่าเถื่อนและฟาสซิสต์” พร้อมกับประกาศจะดำเนินคดีกับทุกคนที่ทำผิด รวมถึงผู้สนับสนุนทางการเงินอยู่เบื้องหลัง แม้ว่าจะไม่มีการระบุว่าเป็นบุคคลใด แต่ก็ถูกมุ่งเป้าไปที่นายโบลโซนารู ซึ่งคาดว่าขณะนี้พำนักอยู่ในรัฐฟลอริดาของสหรัฐฯ หลังเดินทางออกจากประเทศไปก่อนที่นายลูลาจะสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของประธานาธิบดีคนใหม่
ขณะที่นายโบลโซนารูออกมาเคลื่อนไหวหลังเกิดเหตุการณ์วุ่นวายกลางกรุงบราซิเลีย โดยโพสต์บนทวิตเตอร์ส่วนตัว ประณามการบุกรุกอาคารหน่วยงานรัฐบาล พร้อมทั้งปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง หรือยุยงผู้สนับสนุนให้ก่อเหตุในครั้งนี้
ด้านศาลฎีกาบราซิล ได้มีคำสั่งให้พักงานนายไอบาเนอิส โรชา ผู้ว่าการกรุงบราซิเลีย ซึ่งถูกระบุว่า เป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนนายโบลโซนารู เป็นเวลา 90 วัน ฐานบกพร่องในการรักษาความปลอดภัยในเมืองหลวง ปล่อยผู้ชุมนุมบุกเข้าสถานที่ราชการได้ตามอำเภอใจ แม้ก่อนเกิดเหตุจะมีข้อมูลถึงการเตรียมการวางแผนอยู่บนโซเชียลมีเดีย ทั้งยังสั่งปิดกั้นโฆษณาชวนเชื่อเรื่องการรัฐประหารที่ปรากฏอยู่บนทุกแพลตฟอร์มทั้ง เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และติ๊กต็อก
โดยการเตรียมการก่อความไม่สงบตามที่ศาลฎีกาบราซิลระบุ ได้รับการยืนยันจากผู้สื่อข่าวของรอยเตอร์สว่า พบเห็นการวางแผนของกลุ่มผู้สนับสนุนนายโบลโซนารู ที่เตรียมการจะบุกอาคารสถานที่สาธารณะบนโซเชียลมีเดียมาตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว ทั้งการนัดแนะพบกันตามสถานที่ต่างๆ ในหลายเมืองทั่วประเทศเพื่อเดินทางมายังกรุงบราซิเลีย รวมถึงแผนการมาปักหลักรวมตัวกันที่หน้ากองบัญชาการกองทัพ
ภายหลังจากมีคำสั่งศาล นายฟลาบิโอ ดิโน รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมของบราซิล ได้ออกมาประกาศว่า จะเปิดการสืบสวนหาตัวผู้ให้การสนับสนุนทางการเงินเบื้องหลังที่จัดหารถบัสหลายร้อยคันขนฝูงชนมาร่วมชุมนุม รวมถึงการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ว่าการกรุงบราซิเลียที่ไม่ยอมเตรียมการรักษาความปลอดภัยอย่างดีพอ จนเกิดเหตุวุ่นวายขึ้นในที่สุด โดยนายดิโนระบุว่า ตำรวจจับกุมผู้ประท้วงได้มากกว่า 200 คน และจะดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด
เหตุชุลมุนวุ่นวายจากความขัดแย้งทางการเมืองในบราซิลครั้งล่าสุดนี้ ได้ถูกนำไปเปรียบเทียบกับเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในสหรัฐฯ เมื่อครั้งที่กลุ่มผู้สนับสนุนนายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ บุกอาคารรัฐสภาเนื่องจากไม่ยอมรับผลการเลือกตั้งในปี 2563 ซึ่งประธานาธิบดีโจ ไบเดน เป็นฝ่ายได้รับชัยชนะ
ขณะเดียวกัน ผู้นำชาติต่างๆ ทั่วโลกก็ได้ออกมาออกประณามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และประกาศสนับสนุนรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของบราซิล ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐฯ ฝรั่งเศส อาร์เจนตินา คิวบา ชิลี เม็กซิโก และอีกหลายประเทศ
