วันที่ 6 มี.ค.63 สื่อต่างประเทศรายงานว่า นายสวี หงไฉ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังของจีน ระบุว่าหน่วยงานรัฐบาลจีนทุกระดับได้จัดสรรงบประมาณ 1.1 แสนล้านหยวน (ประมาณ 5.01 แสนล้านบาท) เพื่อภารกิจป้องกันและควบคุมไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) เมื่อนับถึงสิ้นวันพุธ (4 มี.ค.) โดยนายสวีกล่าวว่างบประมาณจำนวนดังกล่าวถูกนำไปใช้ในภารกิจต้านไวรัสแล้ว 7.14 หมื่นล้านหยวน (ประมาณ 3.24 แสนล้านบาท) คงเหลืออีก 3.95 หมื่นล้านหยวน (ประมาณ 1.77 แสนล้านบาท)
และกระทรวงการคลัง จะประกันเงินทุนเพื่อการป้องกันและควบคุมโรคระบาดในหูเป่ย พร้อมเร่งการจัดสรรเงินทุนโดยเร็ว สวีกล่าวว่ารัฐบาลกลางอัดฉีดงบประมาณ 6.2 พันล้านหยวน (ประมาณ 2.81 หมื่นล้านบาท) ไปยังมณฑลหูเป่ย เพื่อสนับสนุนการรักษาผู้ป่วย การก่อสร้างโรงพยาบาลและการจัดซื้ออุปกรณ์ รวมถึงการสาธารณสุขและการป้องกันการโรคระบาด
โดยนับตั้งแต่ปี 2019 จีนใช้มาตรการลดหย่อนภาษีและค่าธรรมเนียมจำนวนมาก ซึ่งช่วยลดภาระให้ผู้ประกอบการและกระตุ้นตลาด โดยการลดหย่อนภาษีและค่าธรรมเนียมในปี 2019 มีมูลค่าสูงกว่า 2 ล้านล้านหยวน (ประมาณ 9.06 ล้านล้านบาท)อย่างไรก็ดี นโยบายลดหย่อนภาษีและค่าธรรมเนียมจำนวนมากส่งผลให้รายได้การคลังระดับท้องถิ่นลดลงเช่นกัน
ด้านนายสวีกล่าวเสริมว่าการระบาดของไวรัสในปี 2020 ส่งผลให้รายได้ลดลงและรายจ่ายของภาคการคลังเพิ่มขึ้น ทำให้หน่วยงานรัฐบาลท้องถิ่นบางแห่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหน่วยงานระดับรากหญ้า กำลังเผชิญแรงกดดันในการสร้างสมดุลระหว่างรายได้และรายจ่ายของตนเอง และหากพิจารณาจากสถานการณ์ปัจจุบัน ผลประกอบการโดยรวมของการเงินท้องถิ่นยังจัดอยู่ในระดับคงที่ ส่วนเงินทุนสำหรับการป้องกันและควบคุมโรคระบาดอยู่ในระดับเพียงพอ
ทั้งนี้นายสวีระบุว่ากระทรวงการคลังได้ออกหนังสือเวียนยกระดับความแข็งแกร่งของการเงินท้องถิ่น เพื่อรับประกันการดำรงชีวิตขั้นพื้นฐานและการใช้จ่ายเงินขั้นต้นของประชาชน สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้จากความพยายามร่วมกันของหน่วยงานรัฐบาลทุกระดับ ซึ่งสอดคล้องกับหลักการเงินทุนระดับอำเภอ การรับประกันระดับมณฑล รวมถึงการสนับสนุนอย่างแข็งขันจากรัฐบาลกลาง
