Civil War สงครามกลางเมืองซีเรีย ยืดเยื้อ ยุ่งเหยิง และมีแนวโน้มลุกลามไปไกล

Civil War สงครามกลางเมืองซีเรีย ยืดเยื้อ ยุ่งเหยิง และมีแนวโน้มลุกลามไปไกล

ซีเรีย เป็นอีกประเทศหนึ่งที่ได้รับผลกระทบจากปรากฏการณ์อาหรับสริง (Arab Spring) ที่เกิดขึ้นเมื่อปลายปี 53 ที่ประชาชนลุกฮือขึ้นต่อต้านผู้ปกครองในกลุ่มประเทศอาหรับ ทำให้กลุ่มอำนาจเดิมที่ปกครองประเทศมาอย่างยาวนานในตูนิเซีย อียิปต์ และลิเบีย ต้องหมดอำนาจลง

ส่วนซีเรียก็เข้าสู่ยุคสงครามกลางเมือง และทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่ต้นปี 54 อีกทั้งทวีความซับซ้อน จนยกระดับเป็นสงครามระดับภูมิภาค , สงครามตัวแทนระหว่างรัสเซีย ที่สนับสนุนรัฐบาลซีเรีย กับอเมริกา ที่สนับสนุนกลุ่มกบฏ

และมีแนวโน้มจะกลายเป็นสงครามเย็นระลอกใหม่ หลังจากเคยสิ้นสุดลงเมื่อสหภาพโซเวียตล่มสลาย (กลายเป็นรัสเซียในปัจจุบัน) หรืออาจจะไปไกลเกินกว่านั้น ?

การแบ่งข้างในกลุ่มประเทศมหาอำนาจ 

กลุ่มประเทศมหาอำนาจ ที่มีสิทธิเหนือกว่าประเทศอื่นๆ ในเวทีสหประชาชาติ ประกอบด้วย 5 ประเทศ คือ 1. อเมริกา 2. รัสเซีย 3. จีน 4. อังกฤษ และ 5. ฝรั่งเศส ซึ่งจีนมีท่าทีเอนเอียงไปทางรัสเซีย ในการช่วยเหลือรัฐบาลซีเรีย ส่วนอังกฤษ กับฝรั่งเศส ร่วมปฏิบัติการกับอเมริกา ในการถล่มซีเรียด้วยขีปนาวุธกว่า 100 ลูก เมื่อวันที่ 13 เม.ย. 61 ทำให้เห็นการแบ่งข้างของกลุ่มประเทศมหาอำนาจ แต่นั่นคือภาพใหญ่ในเวทีระดับโลก

ส่วนการสู้รบในระดับสมรภูมิ โดยเฉพาะฝั่งต่อต้านรัฐบาลซีเรีย ยังไม่มีความเป็นเอกภาพ มีการรบรากันเองอย่างอีรุงตุงนัง จนสร้างความงุนงงให้กับประชาคมโลกเป็นอย่างมาก

กลุ่มผู้สนับสนุนของแต่ละฝ่าย 

หลังจากการถล่มซีเรียด้วยขีปนาวุธ ก็ทำให้เห็นผู้สนับสนุนในแต่ละฝั่ง ดังนี้

ฝั่งรัฐบาลซีเรีย มีผู้สนับสนุนคือ 1. รัสเซีย 2. อิหร่าน 3. จีน (ยังไม่เปิดตัวอย่างชัดเจน) 4. กลุ่มฮิซบุลลอฮ์ ในเลบานอน

ส่วนฝั่งต่อต้านรัฐบาลซีเรีย ได่แก่ 1. อเมริกา 2. ซาอุดิอาระเบีย 3. ตุรกี 4.  จอร์แดน 5. ฝรั่งเศส 6. อังกฤษ 7. ชาวเคิร์ดในซีเรีย 8. กองทัพปลอดปล่อยซีเรีย

แต่ต่อมากองทัพปลอดปล่อยซีเรีย ได้มีการแตกย่อยออกเป็นกลุ่มต่างๆ มากมาย โดยเฉพาะการเกิดขึ้นของกลุ่มที่มีแนวคิดสุดโต่งในการก่อตั้งรัฐอิสลาม อย่าง ไอซิส และ อัล-นุสรา ที่อเมริกาและประชาคมมองว่าเป็นกลุ่มผู้ก่อการร้าย

ที่ผ่านมาอเมริกาจึงแสดงท่าทีชัดเจนในการปราบปรามกลุ่มไอซิส และอัล-นุสรา มากกว่าการโค่นล้มรัฐบาลซีเรีย

แต่นั่นอาจเป็นเพียงภาพ ที่แสดงให้ชาวโลกเห็นเท่านั้น !

“กำจัดไอซิส” ข้ออ้างของทั้ง 2 ฝ่าย

ด้วยแนวทางการต่อสู้ของ ไอซิส และ อัล-นุสรา ที่เป็นการก่อการร้ายอย่างเต็มรูปแบบ และยกทัพเข้าบุกยึดพื้นที่ต่างๆ ในซีเรียกับอิรัก ทำให้ทั้งรัสเซีย และอเมริกาใช้เป็นข้ออ้างในการนำกองกำลังเข้าสู่ซีเรีย โดยรัสเซียได้เคยอ้างว่าจะมีการทิ้งระเบิดใส่กลุ่มไอซิสในดินแดนซีเรีย แต่กลับทิ้งระเบิดใส่กลุ่มที่ต่อต้านรัฐบาลซีเรียด้วย

ความสัมพันธ์อันยุ่งเหยิง ของฝ่ายต่อต้านรัฐบาลซีเรีย 

ฝั่งต่อต้านรัฐบาลซีเรีย คือ 1. อเมริกา 2. ซาอุดิอาระเบีย 3. ตุรกี 4. จอร์แดน 5. ฝรั่งเศส 6. อังกฤษ 7. ชาวเคิร์ดในซีเรีย 8. กองทัพปลอดปล่อยซีเรีย และถ้านับ ไอซิส กับ อัล-นุสรา ก็ถือว่าฝ่ายต่อต้านรัฐบาลซีเรีย มีทั้งหมด 10 กลุ่มหลักๆ แต่ที่ผ่านมา กลับมีการต่อสู้กันเอง อันเนื่องมาจากความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนจนน่าปวดเศียรเวียนเกล้า

โดยกลุ่มไอซิส ที่อเมริกาถือว่าเป็นศัตรูนั้น กลับได้เงินสนับสนุนจากซาอุฯ ซึ่งเป็นพันธมิตรที่เหนียวแน่นของอเมริกา ส่วนตรุกี แม้อ้างว่าได้มีการทิ้งระเบิดในซีเรีย เพื่อทำลายกองกำลังของไอซิส แต่ในความเป็นจริงกลับถล่มชาวเคิร์ดเสียเป็นส่วนใหญ่  ด้วยตรุกีถือว่าชาวเคิร์ดเป็นศัตรูตัวฉกาจ แต่กองกำลังชาวเคิร์ดในซีเรียนั้น กลับได้รับการสนับสนุนจากอเมริกา

แนวโน้มหลังจากสหรัฐและพันธมิตร ยิงขีปนาวุธถล่มซีเรีย 

จะว่าไปแล้ว อเมริกาก็หาโอกาสที่ถล่มรัฐบาลซีเรียอย่างจังๆ แต่ยังไม่สบช่อง อีกทั้งรัสเซียก็ส่งเสียงฮึ่มๆ เป็นระยะ ทำให้อเมริกายังไม่กล้าที่จะบุ่มบ่าม กระทั่งมีรายงานอย่างเป็นตุเป็นตะว่า รัฐบาลซีเรียใช้อาวุธเคมีสังหารประชาชน

อเมริกาจึงใช้โอกาสนี้จับมือกับอังกฤษ และฝรั่งเศส จัดหนักยิงขีปนาวุธกว่า 100 ลูกถล่มฝ่ายรัฐบาลซีเรีย โดยผลปรากฏว่า มีผู้เสียชีวิต 3 ราย ต่อมารัฐบาลซีเรียได้เย้ยอเมริกาว่า ขีปนาวุธส่วนใหญ่ถูกระบบป้องกันยิงสกัดไว้ได้

อีกทั้งหน่วยข่าวกรองของรัสเซียได้ให้ข้อมูลว่า จะมีการโจมตี ซีเรียจึงได้มีการอพยพประชาชนออกนอกพื้นที่เสียแต่เนิ่นๆ ท่าทีของซีเรียดูจะพึงพอใจที่เกิดความเสียหายไม่มากนัก ส่วนอเมริกา อังกฤษ และฝรั่งเศส ก็ถือว่าปฏิบัติการลุล่วง

แต่ที่เป็นเดือดเป็นแค้นสุดๆ ก็คือท่าทีของรัสเซีย ที่ประณามการกระทำของอเมริกาและพันธมิตร เพราะรัสเซียได้ส่งสัญญาณเตือนหลายครั้งแล้วว่า โจมตีซีเรียเมื่อไหร่ล่ะน่าดู อีกทั้งยังบอกว่า รายงานการใช้อาวุธเคมีของรัฐบาลซีเรีย เป็นการจัดฉาก เพื่อใช้เป็นข้ออ้างในการโจมตี

จากท่าทีแข็งกร้าวของรัสเซีย ทำให้ 2 ประเทศมหาอำนาจ ได้เปิดหน้าสู้กันอย่างชัดเจน ซึ่งต้องติดตามกันต่อไปว่า รัสเซียและพันธมิตรฝั่งรัฐบาลซีเรีย จะตอบโต้อย่างไร และท่าทีของจีนนั้น จะมีการประกาศตัวเป็นฝ่ายรัสเซียอย่างเต็มตัว เหมือนที่อังกฤษกับฝรั่งเศส ได้ประกาศชัดว่าอยู่กับอเมริกาไปก่อนหน้านั้นแล้วหรือไม่ ?

ซึ่งท่าทีชัดเจนของจีนนี่แหละ จะถือว่าเป็นตัวแปรสำคัญที่สั่นสะเทือนโลกทั้งใบได้เลยทีเดียว

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง