ไหนใครจำตอนที่ป่วย จนสูญเสียการรับรู้ ‘กลิ่น’ ได้บ้าง? กลิ่นหอมอ่อนๆ ของโกโก้ กลิ่นหอมจางๆ ของดอกไม้ ทุกคนรู้ไหมว่า กลิ่นบางประเภทบนโลกใบนี้ กำลังตกอยู่ในความเสี่ยง ที่จะเลือนหายไปตลอดกาล เนื่องจาก การปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (climate change)
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ อาจเปลี่ยนบางกลิ่น ที่เป็นเอกลักษณ์ของบางพื้นที่ เช่น ที่ Belmont Estate ฟาร์มขนาดใหญ่ ในประเทศเกรนาดา บรรยากาศจะเต็มไปด้วยกลิ่นเข้มของโกโก้คั่วในตอนเช้า ทว่า กลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์นี้อาจอยู่ได้อีกไม่นาน
คณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (IPCC) เตือนว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ อาจทำให้ผลผลิตพืช เช่น โกโก้ กาแฟ ลดลง 50% ภายในทศวรรษหน้า นั่นหมายความว่า ไม่เพียงพืชที่จะหายไป แต่กลิ่นอาจเลือนหายตามไปด้วย ซึ่งรวมถึงการสูญเสียอัตลักษณ์ และจิตวิญญาณของชุมชน
ลองจินตนาการดูสิว่า หากเราเติบโตมาในพื้นที่ที่หอมฟุ้งไปด้วยกลิ่นโกโก้ แต่วันหนึ่งกลิ่นเหล่านั้นกลับค่อยๆ เลือนหายไป มันจะสร้างความรู้สึกแปลกแยกและว่างเปล่ากับเรามากขนาดไหน ซึ่งนักวิทยาศาสตร์เผยด้วยว่า กลิ่นคือประสาทสัมผัสที่เชื่อมโยง ความทรงจำและอารมณ์ ได้มากที่สุด
ปัญหาทำนองนี้เกิดขึ้นในหลายประเทศทั่วโลก เช่น มาดากัสการ์ ต้องเผชิญกับพายุไซโคลนและภัยแล้ง ส่งผลให้ผลผลิตวานิลลาในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ลดลงถึงครึ่งหนึ่ง ขณะที่อัฟกานิสถาน ต้องเผชิญกับภัยแล้ง และรูปแบบฝนที่เปลี่ยนแปลงไป ส่งผลให้ผลผลิตพืชยี่หร่าก็ลดลงเช่นกัน
มีรายงานว่า ทุ่งกุหลาบในบัลแกเรียบานเร็วขึ้น แต่ก็บานเพียงระยะสั้น และไม่ได้บานยาวนานเท่าในอดีต ส่วนอียิปต์ก็เผชิญกับอากาศร้อนรุนแรง จนทำให้ดอกมะลิบานเร็วเกินไป และปล่อยกลิ่นหอมออกมาก่อนที่คนเก็บดอกไม้ยามรุ่งเช้าจะมาถึง
ตัวอย่างถัดไปนี้ อาจเป็นเรื่องน่าเศร้าสำหรับกลุ่มคนรักน้ำหอม เพราะ รายงานว่า ที่เมืองกราสส์ ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวงน้ำหอมของโลก กำลังเผชิญปัญหาสภาพอากาศสุดขั้วและแปรปรวน นั่นคือ เจอตั้งแต่ภัยแล้งยันฝนตกหนัก ส่งผลกระทบคุณภาพ และปริมาณของทุ่งดอกไม้ที่เคยอุดมสมบูรณ์ อย่าง ลาเวนเดอร์ มะลิ และดอกอื่นๆ ซึ่งเป็นแหล่งกลิ่นหอมของแบรนด์หรูระดับโลก

ไม่เพียงมนุษย์ เหล่าสิ่งมีชีวิตต่างสัมผัสความเปลี่ยนแปลงนี้
ไม่เพียงเท่านั้น ว่ากันว่า แม้แต่กลิ่นของหิมะก็เปลี่ยนแปลงไป เนื่องจากเกล็ดหิมะสามารถดูดซับสิ่งสกปรกต่างๆ เช่น มลพิษจากท่อไอเสีย สารปนเปื้อนอื่นๆ ที่ลอยอยู่ในอากาศ เป็นต้น ขณะที่อุณหภูมิที่สูงขึ้น ก็ทำให้กลิ่นของหิมะเข้มข้นขึ้นด้วย
กลิ่นหิมะเปลี่ยนไปจริงไหม ก็ไม่อาจตอบได้ แต่บางครั้งผู้เขียนก็อดสงสัยไม่ได้ว่ากลิ่น บรรยากาศของบ้านเราต่างไปจากเมื่อสิบปีที่แล้วบ้างไหม มีกลิ่นมลพิษเจือแฝงอยู่ในอากาศบ้างหรือเปล่า หรือมีกลิ่นอะไรบ้างไหมที่กำลังถูกแทนที่ เนื่องจากปัญหาสภาพอากาศและการพัฒนาของอุตสาหกรรม – ประเด็นนี้ใครคิดเห็นอย่างไร ชวนมาแบ่งปันกัน
ทั้งนี้ ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ ไม่เพียงส่งผลกระทบต่อการรับรู้กลิ่นของมนุษย์เท่านั้น แต่กระทบสิ่งมีชีวิตอื่นด้วย โดยคลื่นความร้อน ทำให้ผึ้งเสียความสามารถในการดมกลิ่นได้ถึง 80% ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ากังวล เนื่องจากหากความสามารถการดมกลิ่นของผึ้งถูกทำลาย ก็จะส่งผลกระทบต่อการหาอาหารและการผสมเกสร นำไปสู่การลดลงของประชากรผึ้ง และผลผลิตทางการเกษตรที่พึ่งพาการผสมเกสรจากผึ้ง ซึ่งกระทบความมั่นคงทางอาหารมนุษย์อีกทอดหนึ่ง
ความสัมพันธ์ระหว่างกลิ่นและสภาพอากาศ จึงสะท้อนความเชื่อมโยงของสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อมได้อย่างชัดเจน ขณะเดียวกัน การหายไปของกลิ่นอาจไม่ใช่แค่ -กลิ่น- ทว่าอาจสะท้อนถึงการล่มสลายของวิถีชีวิต ความเป็นอยู่ และวัฒนธรรมที่ก่อร่างสร้างตัวขึ้นรอบกลิ่นเหล่านั้นด้วย เราอาจต้องตระหนักถึงปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างจริงจัง ก่อนที่บางกลิ่นจะกลายเป็นเพียงเรื่องเล่าในอดีต
อ้างอิง










