คอลเกตร่วมสร้างกำลังใจ ให้คนไทยก้าวข้ามข่าวร้ายแล้ว #ยิ้มสู้ ไปด้วยกัน

คอลเกตร่วมสร้างกำลังใจ ให้คนไทยก้าวข้ามข่าวร้ายแล้ว #ยิ้มสู้ ไปด้วยกัน

MARKETING

นับว่าเป็นปรากฏการณ์ที่เซอร์ไพรส์ผู้อ่านหนังสือพิมพ์ไทยรัฐอย่างมากที่ได้เห็นโฆษณา #ยิ้มสู้ 3 หน้าปังๆ อย่างที่ไม่เคยมีแบรนด์ไหนทำกันมาก่อน แม้ว่าข่าวที่เราได้อ่านเกือบทุกวันจะมีหลากหลายแง่มุม โดยเฉพาะข่าวที่อ่านแล้วเกิด “พลังลบ” แต่เมื่อคอลเกตหยิบเอาแคมเปญ #ยิ้มสู้ มาวางใกล้ๆ ข่าวเหล่านี้ก็ทำให้ผู้อ่านเกิดรอยยิ้มได้ไม่ยาก

ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นจึงน่าสนใจอย่างมาก เพราะนับเป็นการทำโฆษณาในมิติใหม่ที่แบรนด์สามารถใช้เหตุการณ์ต่างๆ ได้อย่างน่าสนใจ

จริงๆ แล้วแคมเปญในภาพยนตร์โฆษณา “ยิ้มสู้” เคยเกิดขึ้นและประสบความสำเร็จไปถึง 2 ครั้ง ล่าสุด บริษัท คอลเกต-ปาล์มโอลีฟ (ประเทศไทย) จำกัด ได้ปล่อยแคมเปญการตลาดชุดใหม่ภายใต้ชื่อ #ยิ้มสู้ โดยนำเสนอมุมมองแห่งความหวังและการมองโลกในแง่บวก ผ่านเรื่องราวอันน่าประทับใจที่สร้างจากเรื่องจริงของคนสามคนที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้คนไทยยิ้มสู้กับทุกอุปสรรคและความยากลำบาก

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของป้าเจี๊ยบ ผู้รอดชีวิตจากมะเร็งร้ายและกลายเป็นผู้เข้าแข่งขันลองบอร์ดในกีฬาซีเกมส์ คุณครูบอลลี่ ครูสอนภาษาอังกฤษเพศที่สามและเป็นผู้รณรงค์ต่อต้านการระรานทางไซเบอร์ และพยาบาลยิว คนไทยคนแรกที่มุ่งมั่นเรียนจนจบพยาบาลแม้ตัวเองจะนั่งรถเข็น โดยแคมเปญนี้ประกอบด้วยภาพยนตร์โฆษณาสำหรับตัวแทนของแบรนด์แต่ละคน รวมทั้งการสื่อสารผ่านช่องทางดิจิทัลและประชาสัมพันธ์ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจ ช่วยจุดประกายแห่งความหวัง ให้กับคนที่กำลังท้อแท้ หมดหวัง หรือคิดจะล้มเลิกความตั้งใจในการทำอะไรสักอย่างให้กลับมามีพลังอีกครั้ง

นางเอริสา รุจิรวัฒน์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดผลิตภัณฑ์ยาสีฟัน บริษัท คอลเกต-ปาล์มโอลีฟ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงแคมเปญนี้ว่า “ประเทศไทยเป็นที่รู้จักกันดีในนามสยามเมืองยิ้ม เพราะคนไทยมักจะมีรอยยิ้มบนใบหน้าเสมอ แม้ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก ต้องพบเจอกับความท้าทายหรืออุปสรรคมากมายเพียงใด คนไทยก็ยังยิ้มได้ คอลเกตเราเชื่อในความหมายที่ลึกซึ้งของรอยยิ้ม เพราะรอยยิ้มสามารถสะท้อนถึงความเข้มแข็งและความกล้าหาญที่อยู่ภายในใจของคนๆ นั้นได้ คำว่า ยิ้มสู้ เป็นสำนวนของไทยที่เรารู้สึกว่าถ่ายทอดพลังของการคิดบวกในแบบของคอลเกตได้ดีที่สุด เป็นคำที่มอบความหวังและความมั่นใจที่จะเผชิญหน้ากับอนาคต ทำให้เรามองเห็นโอกาส และทำให้เราไม่หยุดที่จะเรียนรู้ เติบโต และมองไปข้างหน้าอย่างไม่ท้อถอย”

เมื่อลองไปค้นหาเรื่องราวของ 3 ต้นแบบคน “ยิ้มสู้” ก็พบว่ามีความน่าสนใจไม่น้อย เพราะว่าพวกเขาผ่านเรื่องราวร้ายๆ จนสามารถใช้ชีวิตอย่างเข้มแข็ง และก้าวต่อไปอย่างมุ่งมั่น

 

“วันที่สังคมมองว่า ฉันทำตัวไม่สมวัย ฉันยิ้ม”

นงลักษณ์ ชัยฤทธิไชย (ป้าเจี๊ยบ) อายุ 63 ปี อดีตผู้ป่วยมะเร็งสู่นักกีฬาลองบอร์ดทีมชาติไทย

“เวลาคนบอกว่ายิ่งอายุมากยิ่งเป็นภาระลูกหลาน หมดประโยชน์ อ่อนแอ ล้าหลัง แม่เลือกที่จะยิ้ม ยิ้มสู้…ให้เขาเห็นว่า อะไรก็หยุดเราไม่ได้”

ป้าเจี๊ยบอดีตผู้ป่วยมะเร็ง สู่นักกีฬาลองบอร์ดทีมชาติไทย บอกเล่าความรู้สึกในวัยที่มักถูกมองว่าเป็นภาระ แต่เธอเลือกที่จะทำสิ่งที่ท้าทายโดยไม่หยุดชีวิตไว้ที่คำว่า “กลัว” ด้วยการหันไปเล่นกีฬาลองบอร์ดที่เสี่ยงและผาดโผน ซึ่งคนส่วนใหญ่มักมองว่า “เกินวัย” แต่สำหรับป้าเจี๊ยบแล้วนี่คือความสุขที่ได้ทำอะไรใหม่ๆ ซึ่งแตกต่าง ท้าทาย และทลายความกลัวของตัวเองลงได้

“เรามีความรู้สึกว่า ถ้าเรากลัว เราจะไม่กล้าทำอะไรเลย บางคนกลัวไปซะหมด กลัวจะจน กลัวจะตาย กลัวจะเป็นภาระครอบครัว ฯลฯ อย่างมาเล่นสเก็ตก็กลัวว่าจะเจ็บ แต่ว่าเราก็แค่เปลี่ยนจากความกลัวมาเป็นทดลองทำ จริงๆ คิดไว้ตั้งแต่เด็กแล้วว่า เราไม่ควรจะกลัวอะไร เหมือนมะเร็ง ทุกคนก็กลัวว่าเป็นแล้วตายแน่ๆ แต่ว่าเราก็แค่ยิ้มสู้ ยอมรับความจริง ความกลัวมันจะหายไป”

 

“เราจะยิ้มสู้ เพื่อจะได้ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด”

ธีรพงศ์ มีสัตย์ ครูผู้ใช้การแต่งหน้าให้การศึกษาสนุก

“ในวันที่เขาดูถูกเราตั้งแต่แรกเห็น มองเราเป็นตัวตลก แค่เพราะเราเลือกทำสิ่งที่ต่าง แต่เราก็ยังยิ้ม เพราะเราต้องเข้มแข็งพอที่จะทำหน้าที่ของเราต่อไป”

กำแพงแห่งอคติ และพลังลบที่ถูกนิยามว่า ไม่เหมาะ ไม่ควร ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่ธรรมดาของ “ครูบอลลี่” หรือ ธีรพงศ์ มีสัตย์ ครูผู้สอนภาษาอังกฤษได้รับ เพียงเพราะเขาแต่งหน้ามาสอนภาษาอังกฤษเพื่อให้นักเรียนสนุก แต่ครูบอลลี่ยังยืนหยัดที่จะเป็น ‘ครู’ ให้ดีที่สุดในแบบของตัวเอง…เพื่อนักเรียน แม้จะถูกมองว่าเป็นตัวตลกที่โดนดูถูก หรือเป็นคนที่ไม่เหมาะในหน้าที่

“มีคนบอกว่า ถ้าเกิดมาแล้วเป็นแบบนี้ ฉันไปเกิดใหม่ดีกว่า อาชีพครูไม่ควรมีการเบี่ยงเบนทางเพศ บางคนบอกว่าสอนไม่เป็นเลยต้องแต่งหน้ากลบเกลื่อน หรือบางคนก็บอกว่าไม่ได้ทำเพื่อเด็กหรอกทำเพราะสนอง Need ตัวเองมากกว่า แต่ความสุขของความเป็นครูคือเด็กเรียนแล้วเข้าใจ คอมเมนต์แย่ๆ เข้ามาแล้วมันก็หายไป แต่สิ่งที่เราทำอยู่มันคือตัวตนของเรา มันคืออาชีพของเรา แล้วเราก็ทำเพื่อเด็กของเรา เราก็ “ยิ้มสู้” ไปกับมัน ทำสิ่งที่เราทำอยู่ต่อไปให้ดีที่สุด”

 

“วันที่เขาตั้งคำถามว่าคนอย่างเราจะเป็นที่พึ่งให้ใครได้ แต่เราก็ยังยิ้ม… ยิ้มสู้”

กรรณิการ์ ศรีวิจา พยาบาลคนแรกของไทยที่ปฏิบัติหน้าที่บนวีลแชร์

กรรณิการ์ ศรีวิจา หรือยิวนำความฝันที่อยากเป็น “พยาบาล” มาสร้างแรงบันดาลใจ โดยการตั้งใจเรียนจนสามารถสอบเข้าเรียนพยาบาลได้สำเร็จ แต่ชีวิตก็พลิกผัน เพราะเหลือเวลาฝึกงานแค่เดือนเดียว เธอก็จะเรียนจบเป็นพยาบาลวิชาชีพ

แต่เธอประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เสียก่อน ทำให้กระดูกสันหลังส่วนทรวงอกได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรง ส่งผลให้ลำตัวและขาไม่รับรู้ความรู้สึก และไม่มีแรงที่จะเดินได้

เธอประเมินได้ในทันทีว่าอาการหนัก และคุณหมอไม่ยืนยันว่าจะสามารถกลับไปเดินได้เหมือนคนปกติ เธอต้องอดทนในการดูแลตัวเองนานถึง 2 ปี จากนั้นเธอได้กลับไปเรียนอีกครั้ง และได้พิสูจน์ว่า แม้เธอจะพิการแต่สามารถก้าวสู่เส้นทางของ “พยาบาล” เพื่อช่วยเหลือผู้คน ตามที่หวังไว้ได้สำเร็จ

“แค่เดินไม่ได้ก็ไม่เห็นจะเป็นไร และไม่มีเหตุผลอะไรที่เราจะต้องมานั่งท้อแท้กับโชคชะตาที่เกิดขึ้น…ในวันที่อุปสรรคมันถาโถมจนลุกยืนไม่ไหว วันที่เขาตั้งคำถามว่าคนอย่างเราจะเป็นที่พึ่งให้ใครได้ แต่เราก็ยังยิ้ม ยิ้มสู้…เพราะสิ่งที่เราสูญเสียมันน้อยนิดมาก เมื่อเทียบกับสิ่งที่เราทำได้”

ภาพยนตร์โฆษณา #ยิ้มสู้ ชุดนี้นับเป็นเรื่องราวที่น่าประทับใจ เพราะแต่ละคนก็มีมุมสถานการณ์ที่ต่างกันออกไป แต่เมื่อเห็นทั้ง 3 คนแล้ว ทำให้รู้สึกว่า ต้องยิ้มสู้ แม้จะมีอุปสรรคต่างๆ ผ่านเข้ามาในชีวิต ใครสนใจสามารถไปดูโฆษณาในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ กันได้ว่าสร้างปรากฏการณ์ใหม่ที่ไม่มีใครกล้าทำจริงๆ และทั้งหมดคงต้องขอบคุณคอลเกตที่ออกมาร่วมสร้างกำลังใจ เพื่อให้คนไทยยิ้มสู้ไปด้วยกัน ซึ่งเรื่องราวเหล่านี้ น่าจะสร้างแรงบันดาลใจอันยิ่งใหญ่ให้กับผู้คนที่กำลังท้อแท้ หมดหวัง ให้กลับมามีพลังได้อีกครั้งหนึ่ง

TODAYWriterTODAY

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง