‘วัตสัน’เผยอินไซต์ 3 เทรนด์สุขภาพ Health is Wealth มาแรงปีหน้า Health Longevity ดันตลาดโต

‘วัตสัน’เผยอินไซต์ 3 เทรนด์สุขภาพ Health is Wealth มาแรงปีหน้า Health Longevity ดันตลาดโต

การตลาด

วัตสัน ประเทศไทย เผยผลสำรวจ Customer Trend Survey ไตรมาส 4/2568 จากสมาชิกกว่า 4,000 คน สะท้อนสัญญาณสำคัญของตลาดสุขภาพและความงามที่เปลี่ยนผ่านอย่างมีนัยสำคัญ โดยผู้บริโภคไทยกำลังย้ายจากพฤติกรรม “ใช้จ่ายเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้า” ไปสู่ “การลงทุนเพื่อป้องกัน” มากขึ้น

นำไปสู่การเติบโตของเทรนด์สุขภาพองค์รวม 360 องศา (Holistic Wellness) การใช้งบสุขภาพแบบประจำ (Health Investment) และความต้องการดูแลตนเองเพื่อชะลอวัยที่ขยายตัวต่อเนื่อง (The Rise of Anti-aging) ข้อมูลดังกล่าวชี้ว่าตลาดกำลังขยับเข้าสู่ยุค Health Longevity อย่างเต็มรูปแบบ

‘นวลพรรณ ชัยนาม’ กรรมการผู้จัดการ วัตสัน ประเทศไทย เปิดเผยว่า ความเปลี่ยนแปลงด้านทัศนคติผู้บริโภคครั้งนี้ มีผลต่อทิศทางธุรกิจในทุกมิติ เนื่องจากลูกค้าไม่ได้มองสุขภาพและความงามเป็นค่าใช้จ่ายอีกต่อไป แต่เป็น “การลงทุนระยะยาว” ที่ต้องตอบโจทย์ทั้งร่างกาย จิตใจ และไลฟ์สไตล์

โดยวัตสันได้เดินหน้าพัฒนาโครงสร้างสินค้า บริการ และประสบการณ์หน้าร้านบนฐานข้อมูลแบบ Data-Driven อย่างต่อเนื่อง เพื่อสนับสนุนเป้าหมายสู่การเป็น The Ultimate Holistic H&B Retailer และตอบรับความต้องการผู้บริโภคที่ซับซ้อนขึ้นอย่างแม่นยำและยั่งยืน

[ เจาะ 3 อินไซด์สำคัญที่น่าสนใจ ]

ผู้บริหารวัตสัน ประเทศไทย อธิบายต่อว่า พฤติกรรมที่เปลี่ยนไปนี้สะท้อนผ่าน 3 อินไซต์ใหญ่ที่มาแรงในปีนี้ อินไซต์ที่ 1 The Holistic Wellness Era สุขภาพองค์รวม 360 องศา คือพื้นฐานของ Longevity

เทรนด์การดูแลตัวเอง (Personalized Wellness) ได้กลายเป็นกระแสหลักอย่างสมบูรณ์ ซึ่งผู้บริโภคไม่ได้มองสุขภาพและความงามแยกส่วนกันอีกต่อไป โดยผลสำรวจชี้ว่าผู้บริโภคกว่า 72% ให้ความสำคัญกับ “สุขภาพ” (Health) มากกว่า “ความงาม” (Beauty) สะท้อนชัดว่า “สุขภาพดีถาวร” กำลังกลายเป็นเป้าหมายใหม่ที่ได้รับความสนใจ

นอกจากนี้กว่า 52% ยังรับประทานวิตามินเป็นประจำ และรองลงมายังคงรับประทานเป็นครั้งคราว สะท้อนการเปลี่ยนผ่านจาก “การรักษาชั่วคราว”” เป็น “ดูแลสุขภาพอย่างต่อเนื่อง” พร้อมมุ่งเน้นเป้าหมายระยะยาว (Longevity) ที่เป็นรากฐานของสุขภาพอย่างแท้จริง
โดยมีเป้าหมายหลักที่ผู้บริโภคให้ความสนใจ ได้แก่

• ควบคุมน้ำหนัก 26%
• เสริมภูมิคุ้มกัน 21%
• การนอนหลับ 20%
• สุขภาพจิต 18%
• การขับถ่าย 15%

ทั้งหมดสะท้อนการ “เสริมสุขภาพเฉพาะกิจ” ไปสู่การ “ดูแลสุขภาพเชิงลึกและสม่ำเสมอ”

อินไซต์ที่ 2 The Health Investment จาก “ค่าใช้จ่าย” สู่ “งบลงทุน” ด้านสุขภาพ

ผู้บริโภคยุคใหม่มองการดูแลสุขภาพเหมือนวางแผนการเงิน โดยเป็น “สินทรัพย์ระยะยาวของชีวิต” ไม่ใช่ค่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือยอีกต่อไป ซึ่งสอดคล้องกับผลสำรวจที่ยืนยันว่า ผู้บริโภคได้จัดสรร “งบประจำเพื่อสุขภาพ” อย่างจริงจัง เหมือนที่เคยกันงบไว้เพื่อความบันเทิงหรือความงาม โดยกว่าครึ่งตั้งงบไว้ที่ 1,000 – 3,000 บาทต่อเดือน และอีก 14% ตั้งงบไว้มากกว่า 3,000 บาทต่อเดือน หรือเทียบได้ว่า มากกว่า 63% ที่มีการลงทุนด้านสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการดูแลสุขภาพกลายเป็น “กิจวัตร” มากกว่าพฤติกรรมชั่วครั้งคราว

อินไซต์ที่ 3 The Rise of Anti-aging ความงามเหนือวัย และขยายสู่ไลฟ์สไตล์การดูแลตัวเองครบทุกมิติ

หนึ่งในสัญญาณที่เด่นชัดที่สุด คือการที่ “ริ้วรอย” แซงหน้า “ผิวขาว” อีกหนึ่งการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจ จากเดิมเรื่องของผิวขาวกระจ่างใส เคยเป็นความกังวลหลัก แต่ผลสำรวจของวัตสันในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2568 ยืนยันชัดเจนว่า ผู้บริโภคเกินครึ่งยอมรับว่า “ริ้วรอย” คือความกังวลหลัก ส่งผลให้สินค้า “Anti-aging” ได้รับความนิยมและนึกถึงเป็นอันดับต้นๆ ทั้งนี้ พฤติกรรมการซื้อไม่ได้ขึ้นกับแบรนด์ แต่ขึ้นกับ “ส่วนผสม” ที่ตรงกับปัญหา สะท้อนว่าผู้บริโภคมีความรู้ด้านสกินแคร์และเข้าใจผิวของตัวเองมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

โดยส่วนผสมที่ได้รับความสนใจสูงสุด ได้แก่

• Hyaluronic Acid (25%) — เติมความชุ่มชื้น ผิวอิ่มฟู ดูสุขภาพดี
• Vitamin C (24%) — ช่วยฟื้นผิวให้ดูสดใส มีชีวิตชีวา
• Retinol (21%) — ลดเลือนริ้วรอย ฟื้นฟูผิวเสื่อมสภาพ
• Niacinamide (17%) — ปรับสมดุลผิว ให้ผิวแข็งแรงขึ้น
• BHA/AHA (14%) — ผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน ช่วยให้ผิวเรียบเนียน

เมื่อพิจารณาเจาะลึกถึง “วิธีที่ผู้บริโภคใช้ในการชะลอวัย” จะพบภาพสะท้อนที่น่าสนใจว่า ความใส่ใจไม่ได้หยุดอยู่ที่สกินแคร์ แต่ขยายวงกว้างไปสู่พฤติกรรมการดูแลตัวเองแบบรอบด้านในชีวิตประจำวัน โดยพบการกระจายสัดส่วนของกิจกรรมยอดนิยมในการชะลอวัยอย่างสมดุล ได้แก่

• การใช้สกินแคร์ลดริ้วรอย (25%)
• การทานอาหารต้านอนุมูลอิสระ (23%)
• การออกกำลังกายเพื่อเพิ่มความแข็งแรง (22%)
• การรับประทานวิตามินหรืออาหารเสริม (21%)

ในขณะที่การทำหัตถการเพื่อชะลอวัยมีสัดส่วนเพียง 8% แสดงให้เห็นชัดเจนว่าการชะลอวัยกำลังกลายเป็น “พฤติกรรมประจำวัน” (Daily Habit) มากกว่าการพึ่งพาวิธีลัดเชิงหัตถการ

ทั้งนี้ เมื่อถามลึกลงไปถึงแก่นแท้ว่า “การชะลอวัยจริงๆ ควรเริ่มจากอะไร” คำตอบของผู้บริโภคส่วนใหญ่ชี้ไปในทิศทางเดียวกัน คือ “ความงามเหนือวัย เริ่มจากภายในเสมอ” โดย 31% มองว่าคือการมีสุขภาพดีปราศจากโรค, 25% คือการป้องกันความเสื่อมตั้งแต่เนิ่นๆ, 22% คือการดูแลจากภายในสู่ภายนอกและที่น่าสนใจคือ 21% ให้ความสำคัญกับสุขภาพจิตที่ดีและการลดความเครียด

แท็กที่เกี่ยวข้อง
Chalathip ThirasoonthrakulWriterChalathip Thirasoonthrakul
Business and Economics Editor
[email protected]

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง