
วันที่ 1 พ.ค. 63 The Australian รายงานว่า ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยควีนส์แลนด์ได้เปิดเผยว่า ทางทีมวิจัยจะสามารถเริ่มทดลองวัคซีนในมนุษย์ได้อย่างเร็วที่สุดในเดือนกรกฎาคม ด้านนายเทรนต์ มุนโร หัวหน้าทีมวิจัยกล่าวว่า “การผลิตตัววัคซีนออกมาให้ทันในเดือนกันยายนคือเป้าหมายของเรา ซึ่งมันดูเป็นเป้าหมายที่ทะเยอทะยานอย่างมาก แต่นั้นคือเป้าหมายของเรา และผมก็คิดว่ามันมีความเป็นไปไดถ้าทุกอย่างดำเนินไปตามแผนที่วางไว้”
โดยทางมหาวิทยาลัยควีนสแลนด์ได้ใช้เทคโนโลยี “การหนีบในระดับโมเลกุล” (molecular clamp) ซึ่งได้รับสิทธิบัตรแล้ว โดยวัคซีนนี้ถูกนำไปทดสอบในหนูเมื่อไม่นานนี้และพบว่าสามารถกระตุ้นแอนติบอดีที่จำเป็นต่อการโจมตีไวรัสโคโรนาที่ก่อโรคโควิด-19
ด้าน คีท แชปเพิล หัวหน้าโครงการร่วมของมหาวิทยาลัยควีนส์แลนด์กล่าวว่า “เวโรคลินิกส์ เอกซ์พลอร์ กำลังตรวจสอบเพิ่มเติมเกี่ยวกับความสามารถของวัคซีนในการป้องกันไวรัสที่มีชีวิตในการทดลองกับสัตว์ต้นแบบหลายชนิด ซึ่งความคืบหน้านี้ไม่อาจเกิดขึ้นได้ตามกรอบเวลาและความสามารถที่มีในออสเตรเลีย หากปราศจากความร่วมมือครั้งนี้”
ศาสตราจารย์คันทา ซับบาเรา (Kanta Subbarao) จากสถาบันโดเฮอร์ที (Doherty Institute) นครเมลเบิร์น เผยว่า ได้ค้นพบแอนติบอดีระดับสูงในตัวอย่างการทดลองในหนู ซึ่งสามารถฆ่าไวรัสโควิด-19 ที่มีชีวิตในการเพาะเลี้ยงเซลล์ โดยทางศาสตราจารย์ซับบาเรากล่าวว่า “นี่คือการค้นพบครั้งสำคัญยิ่ง เพราะมีการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันที่คล้ายกับของวัคซีนโรคซาร์ส (SARS) ในแบบจำลองสัตว์ ซึ่งนำไปสู่การป้องกันการติดเชื้อได้” ทั้งนี้ เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ออสเตรเลียเป็นชาติแรกในโลกที่สามารถเพาะเชื้อโคโรนาไวรัสในห้องทดลองนอกประเทศจีนได้สำเร็จ









