งานศึกษาใหม่ชี้ไวรัส COVID-19 อยู่ในอากาศ 3 ชั่วโมงจึงตาย และอยู่บนพื้นผิวอื่น ๆ ได้เป็นเวลาหลายวัน.
งานวิจัยใหม่ล่าสุดเพิ่งเผยแพร่ผ่าน the New England Journal of Medicine วิจัยว่าเชื้อไวรัส SARS-CoV2 สามารถมีชีวิตรอดและส่งผ่านเชื่อได้หากติดตามอากาศและพื้นผิวต่าง ๆ โดยมีรายละเอียดขั้นต้นดังนี้

[1] ฝอยละอองในอากาศจากการจาม/ไอ
หากไวรัสอยู่ในฝอยละออง (Aerosal) จะมีชีวิตอยู่ได้เป็นเวลา 3 ชั่วโมง แต่ในความเป็นจริงนอกห้องทดลอง ฝอยละอองเหล่านี้ลอยอยู่ในอากาศได้เพียงไม่เกิน 30 นาทีก็ต้องตกลงพื้นตามหลักฟิสิกส์
ในงานวิจัยระบุว่า ไวรัสไม่ตายและสามารถแพร่ผ่านฝอยละออง (Aerosal)ในอากาศได้ถึงสามชั่วโมง อย่างไรก็ดีผลการวิจัยแบบนี้มาจากการที่นักวิจัยทดลองในการควบคุมสภาพแวดล้อมสูงสุด โดยใช้ถัง rotating drum ในการทดลอง ทำให้ละอองน้ำขนาดเล็กที่มีไวรัสลอยอยู่ในอากาศตลอดเวลา รวมถึงควรคุมอุณหภูมิและความชื้นให้คล้ายกับสภาพแวดล้อมในโรงพยาบาล ทั้งนี้ ความสามารถในการทำให้คนติดเชื้อของเจ้าไวรัสจะลดลงตามเวลาที่มันแขวนลอยอยู่ในอากาศ ยิ่งอยู่นานเท่าไหร่ก็ทำให้คนติดได้น้อยงเท่านั้น.
ผลวิจัยบอกว่าอยู่ได้ 3 ชั่วโมง *แต่ในความเป็นจริง* ผู้เชี่ยวชาญ 2 คน (ดร.วินเซนต์ มันสเตอร์ แพทย์ไวรัสวิทยาที่สถาบันภูมิแพ้และโรคระบาด และ ดร.ลินซีย์ มารร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการติดต่อจากไวรัสทางอากาศที่สถาบันเวอร์จิเนีย เทค ในมลรัฐเวอร์จิเนีย) บอกสำนักข่าวนิวยอร์กไทม์ว่า ฝอยละอองน้ำขนาดเล็กอยู่ในอากาศจริงได้ไม่ถึง 30 นาทีก็ต้องตกลงตามหลักฟิสิกข์ นอกจากนี้แล้วการตั้งค่าความชื้นและอุณหภูมิแบบคงที่ในห้องทดลองทำให้เรายังไม่รู้ว่าในสภาพแวดล้อมอื่น ๆ แล้วไวรัสจะเป็นอย่างไร
แล้วการที่ไวรัสอยู่ในฝอยละอองที่แขวนอยู่บนอากาศได้นาน 30 นาทีจะน่ากังวลหรือไม่? ดร.ลินซีย์กล่าวว่า “อาจฟังดูน่ากลัว แต่ถ้าไม่ได้อยู่ใกล้ใครจริง ๆ โอกาสที่จะโดนสัมผัสไวรัสมีน้อยมาก” โดยชี้แจงว่าใกล้ที่ว่าคือต้องนึกถึงเวลาคนสูบบุหรี่แล้วพ่นควันออกมา ถ้าใกล้พอที่จะสูดเอาควันบุหรี่นั้นเข้าไป ก็ใกล้พอที่จะสูดไวรัสได้ถ้ามีคนจาม แต่ถ้าอยู่ห่างออกไปเมตรหรือสองเมตรโอกาสที่ไวรัสที่ออกมาในอากาศจะเข้าสู่ตัวเรานั้นเป็นไปได้น้อย ทางที่ดีที่สุดคือต้องจามอย่างถูกวิธีหรือใส่หน้ากากอนามัหากมีอาการไอจามเพื่อป้องกันการพ่นฝอยละอองเหล่านี้เข้าสู่อากาศ
ก่อนหน้านี้ องค์การอนามัยโลกออกมาบอกก่อนหน้านี้ว่าไวรัสไม่ได้แพร่กระจายทางอากาศ แต่งานวิจัยนี้ชี้ว่า การแพร่ทางอากาศก็เป็นไปได้ผ่านทางฝอยละอองขนาดเล็กอย่างนี้
อย่างไรก็ดี ฝอยละอองขนาดเล็ก (Aerosal) ไม่เหมือนการแพร่แบบ Airborne ที่กังวลกัน หากคนทั่วไปรักษาระยะห่างกับผู้ป่วยมากพอก็ไม่น่าเป็นห่วง
กรณีที่น่าเป็นห่วงคือแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ที่ต้องรักษาคนไข้ เพราะมีการรักษาหลายอย่างที่ทำให้ฝอยละอองเหล่านี้เกิดการฟุ้งกระจายมากกว่าปกติ เช่น การสอดท่อในกรณีที่ผู้ป่วยเป็นปอดอักเสบ โดยทั่วไปแพทย์และผู้ดูแลคนป่วยใส่ชุดป้องกันอยู่แล้ว แต่ฝอยละอองเหล่านี้อาจสัมผัสกับชุด หากถอดชุดไม่ดี ฝอยละอองเหล่านี้ก็จะฟุ้งกระจายในอากาศได้ เพิ่มความเสี่ยงให้แพทย์และเจ้าหน้าที่อื่น ๆ สัมผัสกับไวรัส
มีงานศึกษาอีกชิ้นสรุปตรงกันว่าไวรัสประเภทนี้แพร่กระจายผ่านอากาศได้ เช่น งานศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสาร JAMA วันที่ 4 มีนาคม 2563 จากผู้เชี่ยวชาญสิงคโปร์พบว่ามีไวรัสเกาะบนเครื่องช่วยหายใจในห้องพักผู้ติดเชื้อของโรงพยาบาล ไม่มีทางอื่นเลยที่ทำให้ไวรัสนี้เกาะเครื่องช่วยหายใจได้ ยกเว้นทางอากาศเท่านั้น
[2] ทองแดง
ไวรัสที่ทำให้เกิดโรค COVID-19 อยู่ได้บนพื้นผิวทองแดงได้น้อย โดยหากมันอยู่บนพื้นผิวทองแดงจะมีชีวิตได้เพียง 4 ชั่วโมงเท่านั้น
[3] กระดาษลัง – พัสดุไปรษณีย์
งานศึกษานนี้ชีว่าไวรัสอยู่บนกระดาษลังแบบที่นำมาทำกล่องไปรษณีย์ได้ 24 ชั่วโมง
ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าไม่ต้องกังวล เนื่องจากกว่าพัสดุจะมาถึงผู้รับก็จะมีไวรัสเหลืออยู่น้อยแล้ว นอกจากผู้ทำหน้าที่ส่งจะจามหรือไอใส่พัสดุ หรือใช้มือที่ไม่ได้ทำความสะอาดจับพัสดุ
[4] พลาสติก – สแตนเลส คือพื้นผิวที่ไวรัสอยู่ได้นานที่สุด โดยอยู่ได้นานอย่างมากถึง 72 ชั่วโมงหรือเป็นเวลา 3 วัน ทั้งนี้ต้องพึงระลึกเสมอว่าความสามารถในการแพร่เชื้อของเจ้าไวรัสจะเสื่อมลงตามเวลา
นิวยอร์กไทม์สอบถามดร.ลินซีย์ มารร์ ว่าเช่นนี้แล้ว หากมีคนกังวล่า ถุงพลาสติก – กล่องไปรษณีย์ หรือ กล่องข้างที่สั่งมาจะมีเชื้อติดอยู่ไหมจะสามารถทำอะไรได้บ้าง ซึ่งดร.ลินซีย์บอกว่าหากกังวลก็สามารถเช็ดพัสดุต่าง ๆ ด้วยอุปกรณ์ฆ่าเชื้อ และล้างมือได้
เข้าถึงงานวิจัยได้ที่ : N van Doremalen, et al. Aerosol and surface stability of HCoV-19 (SARS-CoV-2) compared to SARS-CoV-1. The New England Journal of Medicine. DOI: 10.1056/NEJMc2004973 (2020).-
ที่มา
How Long Will Coronavirus Live on Surfaces or in the Air Around You?
Coronavirus lives for hours in air particles and days on surfaces, new US study shows









