งานวิจัยมหาวิทยาลัยเยล พบฉีดซิโนแวค-ซิโนแวค-ไฟเซอร์ แม้จะทำให้ระดับภูมิคุ้มกันต้านโควิดสายพันธุ์ดั้งเดิมและเดลตาสูงขึ้น แต่ยังต้าน ‘โอไมครอน’ ไม่อยู่ แนะต้องฉีดกระตุ้นด้วยไฟเซอร์ 2 เข็ม
วันที่ 31 ธ.ค. 2564 เว็บไซต์ SCMP สื่อภาษาอังกฤษในฮ่องกง รายงานอ้างงานวิจัยของมหาวิทยาลัยเยล ซึ่งทดสอบระดับภูมิคุ้มกันในร่างกายอาสาสมัครที่ฉีดวัคซีนซิโนแวคครบ 2 เข็ม และฉีดเข็มกระตุ้นด้วยวัคซีนไฟเซอร์อีก 1 เข็ม พบว่า ระดับภูมิคุ้มกันในร่างกายของผู้ฉีดวัคซีนสูตรดังกล่าว ยังไม่เพียงพอต่อการต้านไวรัสโควิดสายพันธุ์โอไมครอน
โดยผลการวิจัยเบื้องต้นของมหาวิทยาลัยเยล ศึกษาโดยการนำตัวอย่างพลาสมาของอาสาสมัคร 101 คนในโดมินิกัน ซึ่งฉีดวัคซีนซิโนแวค 2 เข็มและฉีดกระตุ้นด้วยวัคซีนไฟเซอร์อีก 1 เข็ม มาทดสอบประสิทธิภาพต้านเชื้อโควิด เทียบกับอาสาสมัครที่ฉีดวัคซีนไฟเซอร์ 2 เข็ม
ผลการวิจัยพบว่า อาสาสมัครที่ฉีดวัคซีนสูตรซิโนแวค-ซิโนแวค-ไฟเซอร์ มีระดับภูมิคุ้มกันโควิด สูงกว่าผู้ที่ฉีดวัคซีนไฟเซอร์ 2 เข็ม ขณะเดียวกันยังมีระดับภูมิคุ้มกันต้านเชื้อโควิดสายพันธุ์ดั้งเดิมและสายพันธุ์เดลตาสูงขึ้นถึง 10.1 และ 6.3 เท่าตัว ตามลำดับ
อย่างไรก็ตาม เมื่อทีมวิจัยทดสอบประสิทธิภาพวัคซีนสูตรซิโนแวค-ซิโนแวค-ไฟเซอร์ กับไวรัสสายพันธุ์โอไมครอน กลับพบว่ายังมีประสิทธิภาพไม่เพียงพอที่จะต้านสายพันธุ์โอไมครอน
ศาสตราจารย์อากิโกะ อิวาซากิ ผู้เชี่ยวชาญด้านภูมิคุ้มกันวิทยา มหาวิทยาลัยเยล ซึ่งนำทีมวิจัยเรื่องนี้สรุปว่า หากมองในแง่สาธารณสุข การฉีดวัคซีนซิโนแวค 2 เข็ม หรือแม้แต่การฉีดซิโนแวค 2 เข็ม ตามด้วยการฉีดกระตุ้น 1 เข็มด้วยวัคซีนไฟเซอร์ ยังมีประสิทธิภาพไม่เพียงพอในการต้านเชื้อโอไมครอน ก่อนจะแนะนำให้ผู้ที่ฉีดวัคซีนซิโนแวค 2 เข็ม ควรกระตุ้นด้วยวัคซีนไฟเซอร์จำนวน 2 เข็ม ถึงจะมีระดับภูมิคุ้มกันเพียงพอที่จะสู้กับไวรัสโอไมครอน
