CNN Travel ยกไทยเป็น 1 ใน 5 ประเทศเตรียมเปิดเมืองอยู่กับโควิด แต่กังวลการฉีดวัคซีนในไทยยังต่ำเมื่อเทียบกับประเทศอื่น
วันที่ 17 ก.ย. 2564 เว็บไซต์ CNN Travel รายงานอ้าง 5 ประเทศที่เตรียมเปิดประเทศและใช้ชีวิตร่วมกับโควิด-19 โดยหนึ่งในนั้นมีประเทศไทยรวมอยู่ด้วย โดย CNN Travel ระบุว่า ไทยเป็นประเทศที่ฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้ประชาชนช้า แต่ยังยืนยันว่าจะเปิดประเทศอยู่ดี
รายงานของ CNN Travel ระบุว่า ไทยซึ่งเป็นประเทศที่พึ่งพารายได้จากการท่องเที่ยว เตรียมเปิดกรุงเทพฯ และเมืองท่องเที่ยวอื่นๆ ที่ชาวต่างชาตินิยมในเดือนหน้า (ต.ค.) แม้จำนวนผู้ติดเชื้อจะเพิ่มสูงขึ้น
รายงานของ CNN เปิดเผยว่า นักท่องเที่ยวที่อยากเข้าประเทศไทยต้องฉีดวัคซีนโควิด-19 ครบโดสแล้ว และผ่านการตรวจเชื้อ โดยจะเปิดให้เที่ยวไดในบางเมือง ได้แก่ กรุงเทพฯ หัวหิน พัทยาและเชียงใหม่ พร้อมอ้างถึงการเปิดภูเก็ตและเกาะสมุยที่เดินหน้ามาตั้งแต่ก่อนหน้านี้
นอกจากนี้ CNN ยังยกข้อมูลที่ชี้ว่า แม้ในปีที่แล้วไทยสามารถควบคุมโรคโควิด-19 ได้ แต่ไทยกำลังประสบปัญหาการควบคุมโรคในปีนี้ ขณะเดียวกันอัตราการฉีดวัคซีนของไทยยังช้ากว่าประเทศเพื่อนบ้าน พร้อมอ้างข้อมูลของ Our World in Data เมื่อวันที่ 13 ก.ย. ว่า ไทยฉีดวัคซีนประชาชนครบโดสไปได้เพียง 18% และมีประชาชนราว 21% ที่ได้รับวัคซีนแล้วอย่างน้อย 1 โดส
รายงานของ CNN ยังยกตัวอย่างประเทศอื่นที่วางแผนเปิดประเทศเพื่ออยู่กับโควิดเช่นกัน ได้แก่ เดนมาร์ก สิงคโปร์ แอฟริกาใต้ และชิลี
โดยกรณีของเดนมาร์ก ได้ยกเลิกมาตรการควบคุมโรคโควิด-19 อย่างเข้มงวด เช่น ยกเลิกข้อบังคับสวมหน้ากากในระบบขนส่งมวลชน เปิดสถานบันเทิงและร้านอาหารโดยไม่ต้องแสดงหลักฐานฉีดวัคซีน ตั้งแต่วันที่ 10 ก.ย. ที่ผ่านมา พร้อมประกาศว่า โควิด-19 จะไม่เป็นโรคที่ส่งผลกระทบสาหัสต่อสังคมอีกต่อไป ซึ่ง CNN ระบุว่า กุญแจความสำเร็จของเดนมาร์กคือการฉีดวัคซีนที่ครอบคลุมประชากรมากกว่า 70% แล้ว
ขณะที่มาตรการอยู่กับโควิดของรัฐบาลสิงคโปร์ ถูกนำมาพูดถึงในรายงานของ CNN ชิ้นนี้ โดยเฉพาะการที่รัฐบาลจะให้ความสำคัญกับจำนวนผู้ป่วยเข้าโรงพยาบาลแทน อย่างไรก็ตามก็มีอุปสรรคจากไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลตาที่กำลังระบาดรุนแรง จนรัฐบาลต้องออกคำเตือนว่า อาจต้องกลับมาบังคับใช้มาตรการเข้มงวดอีกครั้ง
เช่นเดียวกับแอฟริกาใต้ ที่เว็บไซต์ CNN รายงานว่า มีการผ่อนคลายมาตรการโควิด-19 บางส่วน ท่ามกลางความกังวลว่าไวรัสสายพันธุ์เดลตาอาจทำให้แอฟริกาใต้เผชิญการระบาดระลอกใหม่ หรือกรณีอย่างชิลีที่รายงานระบุว่า กำลังเดินหน้าเปิดประเทศหลังมีอัตราฉีดวัคซีนครบโดสให้ประชาชนสูงถึงเกือบ 87% โดยจะเริ่มเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. เป็นต้นไป ภายใต้มาตรการด้านสาธารณสุข
