รัฐมนตรีสาธารณสุขสหรัฐฯ เรียกร้ององค์การอนามัยโลก เดินหน้าสอบสวนต้นตอไวรัสโควิด-19 หลังมีรายงานจากหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ ชี้ว่า พบเจ้าหน้าที่ห้องแล็บในเมืองอู่ฮั่น 3 คน ป่วยเข้าโรงพยาบาลก่อนโรคโควิด-19 ระบาดเป็นวงกว้างเพียงไม่กี่สัปดาห์
วันที่ 26 พ.ค. 2564 เว็บไซต์ Yahoo News รายงานว่า นายซาเวียร์ เบเซอร์รา รัฐมนตรีสาธารณสุขสหรัฐฯ กล่าวระหว่างการประชุมระดับรัฐมนตรีขององค์การอนามัยโลก (WHO) เรียกร้องให้ผู้เชี่ยวชาญนานาชาติ เร่งเดินหน้าการสอบสวนต้นตอของไวรัสโควิด-19 อย่างโปร่งใสและเป็นไปตามกระบวนการวิทยาศาสตร์
แม้รัฐมนตรีสาธารณสุขสหรัฐฯ ไม่ได้กล่าวถึงประเทศจีน ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นการระบาดของโรคโควิด-19 โดยตรง แต่ก็เป็นที่ทราบกันดีว่า โรคโควิด-19 พบการติดต่อจากคนสู่คนครั้งแรกในเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน เมื่อเดือนธันวาคม 2562

ก่อนหน้านี้องค์การอนามัยโลก เคยส่งผู้เชี่ยวชาญเข้าไปในเมื่ออู่ฮั่นของจีน เพื่อสืบหาต้นตอของโรคโควิด-19 และออกเป็นรายงานข้อสรุปเบื้องต้นเมื่อเดือน มี.ค. ที่ผ่านมาว่า ไม่น่าจะเป็นไปได้อย่างมากที่ไวรัสโควิด-19 จะหลุดจากห้องแล็บ
ข้อเรียกร้องล่าสุดของรัฐบาลสหรัฐฯ เกิดขึ้นหลังมีรายงานจากสื่ออเมริกันหลายสำนัก อ้างข้อมูลหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ ที่ชี้ว่า พบนักวิจัยภายในสถาบันไวรัสวิทยาในเมืองอู่ฮั่นของจีนทั้งหมด 3 คน ป่วยจนต้องเข้าโรงพยาบาลเมื่อเดือน พ.ย. 2562 ก่อนหน้าที่โลกจะรับรู้ถึงการแพร่ระบาดในเมืองอู่ฮั่นหลายสัปดาห์
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลสหรัฐฯ ยืนยันว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานที่จะยืนยันว่า ไวรัสโควิด-19 หลุดออกมาจากห้องแล็บหรือไม่ ขณะที่รัฐบาลจีนปฏิเสธมาโดยตลอดว่า ไวรัสโควิด-19 ไม่ได้มาจากห้องทดลอง
ท่าทีของรัฐบาลสหรัฐฯ ถูกตั้งข้อสังเกตมากขึ้น เมื่อ ดร.แอนโทนี ฟาวชี ที่ปรึกษาด้านสาธารณสุขของรัฐบาลสหรัฐฯ ออกมาระบุว่า จะไม่โน้มน้าวให้ผู้คนเชื่อว่าสาเหตุของโรคโควิด-19 มาจากธรรมชาติอีกต่อไป และแนะนำให้มีการสอบสวนต้นตอของโรคในประเทศจีน
ความเห็นของ ดร.ฟาวชี ทำให้จีนไม่พอใจเป็นอย่างมาก สะท้อนจากหนังสือพิมพ์โกลบอล ไทม์ส กระบอกเสียงของรัฐบาลจีน ที่เขียนบทความโจมตีผู้เชี่ยวชาญประจำรัฐบาลสหรัฐฯ โดยระบุว่า ดร.ฟาวชีเป็นพวกต่อต้านจีน และใช้วิธีการที่ทรยศต่อวิทยาศาสตร์เพื่อกล่าวหาประเทศจีน










