ย้อนกลับไปช่วงที่ “โดนัลด์ ทรัมป์” ชนะเลือกตั้งสมัยที่สองใหม่ๆ เห็นได้ชัดว่าสินทรัพย์เสี่ยงสูง ไม่ว่าจะเป็นหุ้นบริษัทเทคโนโลยีของสหรัฐฯ หรือบิตคอยน์พุ่งทะยานกันรัวๆ ด้วยแรงหนุนจากนโยบายที่คาดว่าจะเป็นมิตรต่อภาคธุรกิจและตลาดการเงิน
ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดคือหุ้น Tesla ที่เคยพุ่ง +40% ในวันเดียว ขณะที่หุ้นเทคฯ ตัวอื่น ๆ ก็ตอบรับเชิงบวกจากแนวโน้มการลดภาษีและการสนับสนุนสินทรัพย์ดิจิทัลของทรัมป์
แต่ผ่านมาไม่นาน ภาพที่เห็นกลับตรงกันข้าม…
สินทรัพย์เสี่ยงที่เคยพุ่งแรง กลับดิ่งลงอย่างต่อเนื่อง สะท้อนถึงความไม่แน่นอนที่เริ่มก่อตัวขึ้นในตลาด โดยเฉพาะเมื่อนักลงทุนเริ่มตีความว่านโยบายของทรัมป์อาจไม่ได้ช่วยพยุงตลาดเท่าที่เคยคาดหวัง
ล่าสุด ความเชื่อมั่นของตลาดที่มีต่อ โดนัลด์ ทรัมป์เริ่มสั่นคลอนอย่างเห็นได้ชัดจากตัวเลขเหล่านี้
-
-
-
- ดัชนี Nasdaq 100 ร่วงหนัก -3.8%
- หุ้น Tesla ดิ่งกว่า -15%
- บิตคอยน์ ร่วงแตะจุดต่ำสุดในรอบ 4 เดือน
- ตลาดตราสารหนี้เอกชน ชะลอการขายไปกว่า 10 รายการ
-
-
ทั้งหมดนี้สะท้อนว่าตลาดกำลังตั้งคำถามกับความสามารถของทรัมป์ในการพยุงเศรษฐกิจและรักษาเสถียรภาพของตลาดหุ้น แม้ว่าจะเป็นผู้นำที่เคยได้รับการยกย่องว่าเป็น “ตัวเร่ง” ให้สินทรัพย์เสี่ยงพุ่งทะยานก็ตาม
[ หุ้นเทคโนโลยีและคริปโตดิ่งหนัก ความเชื่อมั่นทรัมป์ลดลง? ]
ช่วงที่ผ่านมากลุ่มนักลงทุนมีความกังวลเกี่ยวกับตลาดหุ้นสหรัฐฯ มาก เพราะตลาดกำลังถูกกระตุ้นจากการขึ้นภาษีศุลกากร การตัดงบประมาณ และการเปลี่ยนแปลงทางภูมิรัฐศาสตร์ ซึ่งล้วนแต่เป็นนโยบายของทรัมป์ ทำให้อาจส่งผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯ
เห็นได้ชัดสุดในช่วงวันจันทร์ (10 มี.ค.) ที่ผ่านมาตลาดหุ้นสหรัฐฯ ร่วงลงอย่างหนัก โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีซึ่งเผชิญกับการเทขายครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2022 ดัชนี Nasdaq 100 ดิ่งลงเกือบ 4% ขณะที่ราคาคริปโตเคอร์เรนซีร่วงลงอย่างรุนแรงด้วยเช่นกัน
ด้านพันธบัตรภาคเอกชนหลายรายการถูกระงับการขาย สะท้อนถึงความวิตกกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงด้านเครดิตของบริษัทต่างๆ นักเทรดพากันหันไปถือสินทรัพย์ปลอดภัยอย่าง พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ส่งผลให้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรลดลงอย่างรวดเร็ว
[ หลายคนเริ่มไม่เชื่อ และกังวลถึงวิกฤตเศรษฐกิจ ]
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ก็ยังดูไม่แน่นอนต่อไป และเริ่มมีคำถามว่า เสี่ยงจะถดถอยหรือไม่ ยิ่งทำให้กระทบความเชื่อมั่นในตลาดหุ้น จนหลายองค์กรใหญ่ๆ พากันสั่นคลอนความเชื่อมั่นเช่นกัน เพราะนโยบายการขึ้นภาษีศุลกากรแบบฉับพลัน และมาตรการลดรายจ่ายของรัฐบาลกลาง ซึ่งส่งผลกระทบเชิงลบต่อตลาด หรือแม้แต่สายการบิน Delta Air Lines ประกาศปรับลดคาดการณ์กำไร โดยให้เหตุผลว่า ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและภาคธุรกิจเริ่มลดลง ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ
[ ความไม่แน่นอนยังคงดำเนินต่อไป ]
แต่ใช่ว่าทรัมป์จะไม่ทำอะไรเลย ทั้งทรัมป์และทีมที่ปรึกษา ส่งสัญญาณว่า เศรษฐกิจอาจต้องเผชิญ “ความเจ็บปวดในระยะสั้น” เพื่อแลกกับการปรับโครงสร้างระบบเศรษฐกิจใหม่ นักลงทุนนับไม่ถ้วนจึงเริ่มปรับพอร์ตการลงทุนเพื่อเตรียมรับมือ
สรุปง่ายๆ เลยว่าสถานการณ์ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ตอนนี้ยังไม่แน่นอนจากนโยบายของทรัมป์ ตลาดยังคงจับตาดูว่าทรัมป์จะจัดการกับภาวะเศรษฐกิจนี้อย่างไร ซึ่งมีความเห็นจาก ‘Michael Rosen’ นักวิเคราะห์ของ Angeles Investment Advisors ว่า ทรัมป์อาจกำลังรื้อโครงสร้างเศรษฐกิจโลก โดยยังไม่มีแผนชัดเจนในการสร้างระบบใหม่ที่ดีกว่า
“ตราบใดที่เรายังไม่เห็นว่าระบบใหม่นั้นจะเป็นอย่างไร นักลงทุนก็คงยังคงระมัดระวังตัวไปก่อน” ดูท่าแล้วว่าหุ้นสหรัฐฯ และตลาดคริปโทฯ ยังคงผันผวนแบบนี้วนไปอีกสักพัก…
ทั้งหมด คือการสรุปสถานการณ์ ‘เทขาย’ ในตลาดหุ้นสหรัฐตอนนี้ ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าเวลาเราดูทิศทางลมเศรษฐกิจแบบอนาคต หนึ่งในปัจจัยที่มักถูกนำมาใช้มองทรงด้วย คือ ‘ตลาดหุ้น’ ที่มีความอ่อนไหวง่าย ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวคาดการณ์อนาคตนั่นเอง
ที่มา :
-
-
-
- https://www.ft.com/content/cdb958c5-01b0-48eb-a13d-e9b58084b011
- https://www.bloomberg.com/news/articles/2025-03-10/markets-rocked-by-trump-shows-economic-fear-across-wall-street?sref=LQZclhPm
-
-










