วัคซีนจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ไม่ได้ไปต่อในเดนมาร์ก หลังจากผลพิจารณาออกมาว่าอาจไม่คุ้มกับความเสี่ยงที่จะเกิดอาการลิ่มเลือด
วันที่ 3 พ.ค. 2564 องค์การสาธารณสุขแห่งเดนมาร์กประกาศว่า จะเดินหน้าโครงการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ต่อไป โดยไม่ใช้วัคซีนของ จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (Johnson and Johnson) หลังจากสรุปออกมาว่า ประโยชน์ที่ได้รับจากวัคซีนตัวนี้ไม่ได้มีมากกว่าผลกระทบจากความเป็นไปได้ที่จะเกิดผลเสีย
ในประกาศฉบับนี้ยังระบุว่า ทางหน่วยงานได้พิจารณาการใช้งานที่ผ่านมาโดยใช้ข้อมูลจากนานาชาติ รวมถึงแถลงการณ์ที่ออกมาหลายฉบับในเดือนที่แล้ว และได้ใช้ทีมผู้เชี่ยวชาญในเดนมาร์กมาช่วยประเมินผลของวัคซีนชนิดนี้
เฮลีน พร็อบส์ต รองผู้อำนวยการทั่วไปขององค์การสาธารณสุขแห่งเดนมาร์กเปิดเผยว่า การตัดสินใจครั้งนี้เป็นการตัดสินใจที่ยากลำบาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ที่เดนมาร์กได้หยุดใช้วัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้าไปแล้ว
กลุ่มที่จะได้รับผลกระทบจากการหยุดใช้วัคซีนคือกลุ่มอายุระหว่าง 20-39 ปี ที่อาจได้รับวัคซีนช้าลงกว่าเดิมมากที่สุดถึง 4 สัปดาห์ ส่วนกลุ่มอื่นๆ จะได้รับวัคซีนช้าลงกว่าเดิมราว 1 สัปดาห์
การที่ทางเดนมาร์กไม่ใช้ทั้งวัคซีนของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน และ แอสตร้าเซนเนก้า ซึ่งเป็นวัคซีนที่มีรายงานว่ามีส่วนเชื่อมโยงกับอาการลิ่มเลือดอุดตันในบางราย จะทำให้พวกเขามีวัคซีนให้ใช้เพียง 2 ยี่ห้อในตอนนี้ คือ ไฟเซอร์ และ โมเดอร์นา
สำหรับในสหรัฐฯ มีการสรุปผลว่า พบการเกิดลิ่มเลือดหลังได้รับวัคซีนจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน มากที่สุดในกลุ่มผู้หญิงอายุ 18-49 ปี โดยกลุ่มนี้มีรายงานอาการดังกล่าวอยู่ที่ 7 ใน 1,000,000 ราย หรือคิดเป็นสัดส่วน 0.0007%










