ราคาทองคำพุ่งทำนิวไฮเรื่อยๆ จากต้นปี 2567 ‘ราคาทองคำแท่ง’ เปิดด้วยราคา 33,550 บาท แต่ตอนนี้พุ่งแตะ 43,350 บาทแล้ว (วันที่ 22 ต.ค.67) ส่วน ‘ทองรูปพรรณ’ แตะ 43,850 บาท ซึ่งเฉลี่ยแล้วตั้งแต่ต้นปีจนถึงตอนนี้ราคาทองคำพุ่งขึ้นมาสูงสุด +9,700 บาท
[ แล้วปัจจัยอะไรที่ทำให้ราคาทองคำพุ่งไวขนาดนี้? ]
TODAY Bizview ได้พูดคุยกับ ‘น.พ.กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ’ ประธานกรรมการกลุ่มบริษัท MTS Gold แม่ทองสุก ถึงสาเหตุที่ทำให้ราคาทองคำพุ่งพรวด และสรุปให้ครบจบผ่านบทความนี้
[ สงครามเป็นปัจจัยหลัก ดอกเบี้ยเป็นปัจจัยสั้น ]
‘น.พ.กฤชรัตน์’ เล่าให้ฟังว่า ปัจจัยหลักของราคาทองคำตอนนี้เป็นเพราะ ‘สงคราม’ ระหว่างอิสราเอล – ฮามาส ที่ล่าสุดปะทุหนักขึ้น หลังอิสลราได้ไปสังหารผู้นำคนใหม่ของฮามาส ทำให้ความรุนแรงของสงครามยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้นักลงทุนเริ่มเทไปหาสินทรัพย์ที่ปลอดภัยอย่างทองคำ
ทำความเข้าใจง่ายๆ ว่ายิ่งสงครามรุนแรงขึ้นเท่าไหร่ ราคาทองก็ยิ่งพุ่งขึ้นตามไปด้วย เพราะสงครามถือเป็นภาวะที่ผิดปกติของโลกที่ช่วยส่งเสริมให้ราคาทองขึ้น ทว่าสงครามไม่ได้ปะทุรุนแรงแบบช่วงต้นปี ก็จะทำให้ราคาทองไม่ได้ขยับเท่าไรนัก
ต่อมาเป็นเรื่องของปัจจัยระยะสั้น ‘ธนาคารกลางสหรัฐฯ มีแนวโน้มลดดอกเบี้ย’ ในช่วงเดือนหน้ามีการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะลดดอกเบี้ยลงอีกครั้ง อาจทำให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง ขณะที่ราคาทองจะพุ่งขึ้นไปแทน
[ ใครชนะเลือกตั้งสหรัฐฯ ไม่ได้เป็นผล แต่นโยบายหลังจากนั้นอาจมีส่วน ]
สำหรับประเด็นที่ว่าเลือกตั้งสหรัฐฯ ในวันที่ 5 พ.ย. 2567 นี้มีผลต่อราคาทองหรือไม่ ‘น.พ.กฤชรัตน์’ ให้ความเห็นว่าไม่มี แม้ว่าใครจะชนะในวันนั้นก็ตาม แต่ทว่าหลังได้พรรคที่ชนะแล้ว มีนโยบายที่ส่งเสริมต่อราคาทองก็อาจจะทำให้ราคาทองพุ่งขึ้นตามไปด้วย แต่โดยรวมแล้วเรื่องของพรรคการเมืองสหรัฐฯ ไม่ได้มีผลเท่าไรนัก
ในส่วนของราคาทองสิ้นปีนี้ ‘น.พ.กฤชรัตน์’ คาดการณ์ว่าราคาทองคำแท่งในไทยจะไปแตะที่ 45,000 บาทได้ แต่ก็ขึ้นอยู่กับค่าเงินบาทด้วยว่าจะอ่อนค่าลงหรือไม่ แต่เป็นไปได้ว่าเงินบาทจะอ่อนค่าลงอีกครั้งหลังดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนลงเพราะการลดดอกเบี้ย
