หลังราคาทองคำทำสถิติใหม่ไม่หยุด จากในอดีตที่ราคาทองเคยอยู่ที่ 18,000 – 20,000 บาทต่อบาททองคำ และปรับขึ้นมาเรื่อยๆ จนถึง 30,000 บาท และปรับต่ออีกมาที่ 40,000 บาท ซึ่งหลายคนคิดว่านี่มันเป็นราคาที่สูงมากแล้วนะ
แต่ล่าสุดราคาทองยังคงปรับตัวขึ้นได้อีก โดยล่าสุดวันนี้ 6 ก.พ.68 เวลา 15.14 น. ราคาปรับตัวขึ้นลงตลอดทั้งวันรวม 4 ครั้ง โดยราคาเพิ่มขึ้นรวม 200 บาท ทำให้ทองรูปพรรณขายออกอยู่ที่ 46,150 บาท และทองแท่ง 45,650 บาท ซึ่งเหลืออีกแค่ไม่เท่าไหร่ทองคำก็จะทำสถิติใหม่ที่ 50,000 บาท
[ สาเหตุที่ทองราคาพุ่งไม่หยุด ]
ว่าแต่ว่าทำไมราคาทองคำถึงพุ่งขึ้นไม่หยุดแบบนี้ อะไรเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อราคาทองในช่วงนี้กันนะ ทางวายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG) โดย ‘ฐิภา นววัฒนทรัพย์’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ได้ให้มุมมองราคาทองคำไว้ว่า สาเหตุที่ราคาทองปรับตัวขึ้นมาจากผลของความกังวลในความไม่แน่นอนด้านนโยบายของโดนัลด์ ทรัมป์
โดยเฉพาะนโยบายการค้า อย่างการตั้งกำแพงภาษีนำเข้าในหลายประเทศ และการกีดกันแรงงานข้ามชาติ ซึ่งถูกประเมินว่าแม้อาจส่งเสริมการค้างตัวในระดับสูงของเงินเฟ้อสหรัฐ จนสร้างให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ไม่สามารถลดอัตราดอกเบี้ยลงได้ตามแผน
ซึ่งนโยบาย tariff ไม่ได้มุ่งเน้นไปเพียงแค่ประเทศคู่ขัดแย้ง เช่น จีน เท่านั้น แต่ยังมุ่งเป้าไปยังพันธมิตร ทั้งแคนาดา ลาติน และยุโรป จากความไม่แน่นอนในการดำเนินโยบายของรัฐบาลทรัมป์ 2.0 ครั้งนี้
อย่างไรก็ตาม เมื่อประเมินถึงผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจในอนาคตกับภาวะทางการคลังของสหรัฐที่จะย่ำแย่ลง โดยภาพรวมความไม่นอนเหล่านี้จึงยังคงสนับสนุนราคาทองคำปรับตัวขึ้น
อีกทั้ง มีแรงซื้อทองคำอีกส่วนในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย จากความขัดแย้งทางภูมิศาสตร์ที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอีกครั้ง โดยล่าสุดเกิดประเด็นที่ทรัมป์เรียกฉนวนกาซาว่าเป็น “พื้นที่ที่ถูกทำลาย” พร้อมประกาศนโยบายเข้าไปบริหารฉนวนกาซา และให้ชาวปาเลสไตน์กว่า 2 ล้านคนออกไปตั้งถิ่นฐานในประเทศเพื่อนบ้าน
แม้ในตอนนี้จะอยู่ในช่วงการเจรจาข้อตกลงหยุดยิงและการปล่อยตัวประกัน ระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาสก็ตามในขณะที่ บรรดา 5 ชาติอาหรับทั้ง จอร์แดน, อียิปต์, ซาอุดีอาระเบีย กาตาร์ และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ได้ร่วมลงนามจดหมายคัดค้านแผนการย้ายชาวปาเลสไตน์
[ ทองคำมีลุ้น 50,000 บาท ถ้าบาทอ่อน ]
สำหรับการเคลื่อนไหวของทองคำนั้นมองว่าระยะสั้นอาจมีแรงเทขายทำกำไรหลังจากราคาปรับขึ้นมาทำจุดสูงสุดใหม่ แต่มองว่าหลังผ่าน 2,850 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ มีโอกาสที่จะได้เห็นเป้าหมายถัดไปที่ 3,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ในปีนี้
ขณะที่ราคาทองคำแท่งในประเทศนั้นก็มีโอกาสที่จะได้เห็น 50,000 บาทต่อบาททองคำในปีนี้เช่นกัน หากค่าเงินบาทอ่อนค่ามาอยู่ในโซน 35.10-35.20 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้นักลงทุนที่ต้องการเข้าซื้อทองคำนั้นแนะนำให้หาจังหวะราคาทองคำย่อตัว
โดยทุกครั้งที่ราคาปรับขึ้นแรงจะมีการย่อตัว สามารถใช้จังหวะนั้นเข้าซื้อโดยแบ่งเงินลงทุนออกเป็นส่วนๆ และทยอยเข้าซื้อทีละส่วน โดยแนะนำแนวรับในการเก็งกำไรระยะสั้น 2,844 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ ส่วนแนวรับหลักมองแนวถัดไปที่โซน 2,830-2,811 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์










