ทองโลกทะลุ 4,000 ดอลลาร์ฯ หลังเศรษฐกิจสหรัฐฯ สั่นคลอน สะท้อนดอลลาร์เริ่มถูกลดบทบาท

ทองโลกทะลุ 4,000 ดอลลาร์ฯ หลังเศรษฐกิจสหรัฐฯ สั่นคลอน สะท้อนดอลลาร์เริ่มถูกลดบทบาท

การเงิน

สองปีก่อน ทองคำโลกยังซื้อขายอยู่ต่ำกว่า 2,000 ดอลลาร์ แต่ปัจจุบันกลับกลายเป็นสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าหุ้น โดยในปี 2025 เพียงปีเดียว ทองคำพุ่งขึ้นมากกว่า 50% สะท้อนความไม่มั่นใจในเสถียรภาพเศรษฐกิจโลก ทั้งในเรื่องสงครามการค้า ความอิสระของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) และสถานะทางการคลังของสหรัฐที่สั่นคลอน

ล่าสุดราคาทองคำโลกพุ่งทะลุ 4,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ หลังความวิตกเรื่องเศรษฐกิจสหรัฐฯ และความเสี่ยงที่รัฐบาลอาจ “ชัตดาวน์” (หยุดการทำงานชั่วคราวเพราะงบไม่ผ่านสภา) ได้เพิ่มแรงหนุนให้กับกระแสราคาทองคำพุ่งขึ้นอย่างร้อนแรง

โดยปีนี้ตลาดการเงินทั่วโลกเผชิญแรงกดดันจากหลายด้าน ทั้งสงคราม ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ และความกลัวว่าธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) จะถูกแทรกแซงทางการเมือง ส่งผลให้นักลงทุนแห่หาที่พักเงินในสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำ และยังสะท้อนถึงค่าเงินดอลลาร์ที่กำลังถูกลดบทบาทลง 

ธนาคารกลางหลายประเทศทั่วโลก หันกลับมาซื้อทองคำเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากเคยเป็น “ผู้ขายทองคำ” ในช่วงวิกฤตการเงินโลกปี 2008 หรือพูดง่ายๆ ว่าเปลี่ยนจาก “ขาย” มาเป็น “ซื้อ” แบบต่อเนื่องตลอดหลายปีหลัง 

เรื่องนี้ถือเป็น จุดเปลี่ยนสำคัญ ของวิธีที่ประเทศต่างๆ บริหารเงินสำรองระหว่างประเทศ เพราะทองคำเริ่มถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์ที่ ปลอดภัยกว่าเงินดอลลาร์หรือพันธบัตร ในยามที่โลกเต็มไปด้วยความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการเมือง

นอกจากนี้ นักลงทุนรายย่อยและกองทุน ETF ที่อิงราคาทองคำก็เข้ามามีบทบาทสำคัญ โดยข้อมูลจาก Bloomberg ชี้ว่า กองทุนทองคำมียอดซื้อสุทธิสูงสุดในรอบกว่า 3 ปีในเดือนกันยายนที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์จาก ‘Vantage Markets’ มองว่า การที่ทองคำแตะระดับ 4,000 ดอลลาร์ ไม่ได้สะท้อนเพียงความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยเท่านั้น แต่ยังบ่งชี้ถึง “ความไม่ไว้วางใจในระบบการเงินแบบเดิม” ที่พึ่งพาเงินดอลลาร์และพันธบัตรมากเกินไป

ในขณะเดียวกัน ‘Ray Dalio’ ผู้ก่อตั้งกองทุนยักษ์ใหญ่ Bridgewater Associates ก็ให้ความเห็นว่า “ทองคำในตอนนี้ปลอดภัยกว่าดอลลาร์” และเปรียบเทียบสถานการณ์นี้กับยุคปี 1970 ที่ทองคำเคยพุ่งขึ้นกว่า 15 เท่า หลังรัฐบาลสหรัฐยุติระบบทองคำมาตรฐาน

สำหรับแนวโน้มราคาทองในอนาคตข้างหน้า ธนาคาร Goldman Sachs ได้ปรับคาดการณ์ราคาทองคำปลายปี 2026 ขึ้นเป็น 4,900 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จากเดิมที่ 4,300 ดอลลาร์ โดยมองว่าความต้องการซื้อจากธนาคารกลางและนักลงทุนสถาบันจะยังคงสูงอย่างต่อเนื่องอีกอย่างน้อย 3 ปี

นอกจากนี้ โลหะมีค่าตัวอื่นๆ ก็เคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกัน เช่น โลหะเงิน (Silver) พุ่งกว่า 2% แตะระดับสูงสุดในรอบ 14 ปีที่ 48.93 ดอลลาร์ แพลทินัม และ พัลลาเดียม ก็ขยับขึ้นตาม ขณะที่ ดัชนีดอลลาร์สหรัฐ (Bloomberg Dollar Spot Index) ขยับขึ้นเล็กน้อย 0.2%

ที่มา

        • https://www.bloomberg.com/news/articles/2025-10-08/gold-soars-past-4-000-as-us-shutdown-adds-fuel-to-record-rally?srnd=homepage-asia
AyosiriWriterAyosiri
เป็นนักข่าวการเงิน สนใจเรื่องการลงทุนและการตลาด ประวัติศาสตร์ อยากสื่อสารให้เรื่องเป็นเงินสำหรับทุกคน

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง