ช่วงนี้เราจะเห็นราคาทองคำเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ วันละ +1,000 บาทหลายวันติดกัน อย่างวันนี้ (7 ต.ค. 2568) เวลา 14:31 น. ราคาทองคำแท่งขายออกอยู่ที่ 60,900 บาท/บาททองคำ รับซื้ออยู่ที่ 60,800 บาท/บาททองคำ ส่วนทองรูปพรรณขายออกอยู่ที่ 61,700 บาท/บาททองคำ รับซื้ออยู่ที่ 59,578 บาท/บาททองคำ
คำถามที่ใครหลายคนกำลังสงสัยส่วนใหญ่คือ แล้วราคาทองคำจะฟองสบู่ไหม? ทองคำยังน่าลงทุนอยู่ไหมในตอนนี้? กลยุทธ์การลงทุนควรเป็นแบบไหน?
TODAY Bizview ได้พูดคุยกับ ‘นพ. กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ’ ประธานกรรมการกลุ่มบริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก จำกัด (MTS Gold) แล้วจะมาสรุปทิศทางของทองคำหลังจากนี้ให้ครบจบผ่านบทความนี้
[ ทองคำยังขาขึ้นไปจนปีหน้า ส่วนเป้าหมายต่อไปคือ 65,000 บาท ]
‘นพ. กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ’ เล่าให้ฟังว่า โดยองค์รวมแล้วราคาทองคำยังคงเป็น ทิศทางแนวโน้มขาขึ้น แต่มีความผันผวนสูงมากเนื่องจากมี แรงเก็งกำไรเข้ามาสูง ปัจจัยหลักที่ขับเคลื่อนและมีอิทธิพลต่อราคาทองคำ ก็เช่น การเคลื่อนไหวของนักลงทุนสถาบันและกองทุน อย่าง กองทุนทองคำ ธนาคารกลาง กองทุน ETF เข้าซื้ออย่างต่อเนื่อง ทำให้ราคาปรับตัวขึ้นอย่างรุนแรง
สำหรับปัจจัยระยะสั้นจากสหรัฐฯ ที่ต้องติดตามคือ ภาวะชัตดาวน์ (Shutdown) หากยังคงดำเนินต่อไป อาจจะกระทบต่อเรื่องของความเชื่อมั่นของผู้บริโภคหรือความเชื่อมั่นทั่วไปได้
ส่วนปัจจัยเศรษฐกิจสำคัญๆ ระยะยาวที่มีผลต่อราคาทองให้เราต้องติดตามคือ การลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อย่าง การประชุมของเฟดเพื่อพิจารณาการลดดอกเบี้ย เช่น รอบวันที่ 28-29 ตุลาคม 2568 เชื่อว่าจะมีการลดเกิดขึ้น ซึ่งก็จะมีผลต่อราคาทองคำในทิศทางขาขึ้น รวมถึงปัจจัยอื่นๆ อย่าง ค่าเงินบาท ภาวะสงคราม ล้วนเป็นปัจจัยหนึ่งที่ต้องติดตามเช่นกัน
ส่วนของเรื่องราคา ‘นพ. กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ’ ยืนยันว่า แม้ว่าราคาทองคำจะปรับตัวขึ้นมามากแล้ว แต่ไม่ถือว่า ‘เป็นฟองสบู่’ และยังมีโอกาสที่จะขึ้นต่อ แต่ก็จะมีช่วงราคาพักตัว อย่างในเป้าหมายถัดไปของราคา 2-3 เดือนนี้ก็อยู่ที่ 65,000 บาท และปีหน้าราคาทองคำก็ยังคงอยู่ในช่วงขาขึ้นทั้งปี
[ ทองคำยังชนะเงินเฟ้อได้ กลยุทธ์การลงทุนควรขายทำกำไรบ้าง ]
“ตอนนี้ทองคำก็ยังเป็นสินทรัพย์ทางเลือกที่ใช้ในการกำจัดเงินเฟ้อ เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ไม่สามารถผลิตเพิ่มขึ้นมาได้ ไม่เหมือนกับเงินกระดาษที่สามารถพิมพ์เพิ่มขึ้นได้เรื่อยๆ พูดง่ายๆ ว่า ทองคำก็คล้ายๆ กับ บิตคอยน์ที่เป็นอีกทางเลือกเช่นกัน” นพ. กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ กล่าว
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนหลังจากนี้แนะนำว่า ตลาดทองคำในช่วงนี้ก็มีความผันผวนสูงจากแรงเก็งกำไรของนักลงทุน ทำให้การประเมินความเสี่ยงและจังหวะเวลาเป็นสิ่งสำคัญ ทองคำ แนะนำให้ “รอจังหวะย่อซื้อ” แทนการไล่ซื้อในช่วงที่ราคาสูง เพราะไม่สามารถคาดเดาได้ว่าราคาจะไปสิ้นสุดที่ระดับใด
การเข้าซื้อในช่วงราคาปรับฐานจะช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสทำกำไรในระยะยาว และนักลงทุนควรบริหารผลกำไรอย่างระมัดระวัง โดยอาจแบ่งขายทำกำไรบางส่วนในช่วงที่ราคาผันผวน เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการกลับตัวของตลาด
ขณะเดียวกัน รูปแบบการซื้อขายทองคำในยุคปัจจุบันก็เปลี่ยนแปลงไปตามพฤติกรรมของผู้บริโภคยุคดิจิทัล การซื้อขายผ่านแอปพลิเคชันออนไลน์ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เพราะให้ความสะดวกสบาย สามารถส่งคำสั่งซื้อขายได้ทุกที่ทุกเวลา ผ่านโทรศัพท์มือถือโดยไม่ต้องเดินทางไปหน้าร้าน อย่างแม่ทองสุกเองก็มีแอปฯ MTSGoldX ที่มีธนาคารรองรับทั้ง 3 ธนาคาร ทำให้ปลอดภัยสำหรับนักลงทุน
ซึ่งการลงทุนผ่านแอปฯ ช่วยลดความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาขณะเดินทาง อีกทั้งยังซื้อง่าย ขายคล่องมากกว่า
ส่วนการซื้อขายทองคำแบบดั้งเดิมที่หน้าร้านก็ยังคงได้รับความนิยมอยู่ไม่น้อย ทั้งจากกลุ่มที่ต้องการจับต้องทองคำจริงและผู้ที่เข้ามาขายทำกำไรเป็นรอบๆ โดยมีการหมุนเวียนระหว่างการขายทำกำไร (Take Profit) และการกลับเข้ามาซื้อใหม่อย่างต่อเนื่อง
สะท้อนให้เห็นว่าทองคำยังคงเป็นสินทรัพย์ที่ได้รับความเชื่อมั่นสูงในหมู่นักลงทุนไทย ทั้งในรูปแบบดั้งเดิมและผ่านช่องทางดิจิทัล










