พบวัคซีนซิโนฟาร์มกระตุ้นแอนติบอดีในผู้สูงอายุได้ต่ำกว่าวัคซีนตัวอื่น จากการศึกษาในประเทศฮังการี
วันที่ 3 ส.ค. 2564 สำนักข่าวบลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานผลการศึกษาวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของฮังการีในผู้สูงอายุ ซึ่งประกอบไปด้วยวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า (AstraZeneca) จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (Johnson and Johnson) โมเดอร์นา (Moderna) ไฟเซอร์-ไบออนเทค (Pfizer-BioNTech) สปุตนิก วี (Sputnik V) และ ซิโนฟาร์ม (Sinopharm)
ตามรายงานระบุว่า อาสาสมัครที่เข้าร่วมการทดสอบมีจำนวน 13,524 คน ทั้งหมดมีอายุเกิน 60 ปี และกว่าครึ่งเป็นผู้ที่ได้รับวัคซีนซิโนฟาร์ม
พบว่าในกลุ่มที่ฉีดซิโนฟาร์ม มีถึง 25.89% ที่มีระดับแอนติบอดีไม่ถึง 50 AU ต่อมิลลิลิตร ขณะที่วัคซีนจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน มีเพียง 4.76% ที่ไม่ถึงเกณฑ์ดังกล่าว ส่วน สปุตนิก วี ก็มีเพียง 3.15%
ทางด้านวัคซีนตัวอื่นที่เหลือ พบผู้สูงอายุที่มีระดับแอนติบอดีไม่ถึงเกณฑ์ในระดับ 1-2% เท่านั้น
และเมื่อเจาะลึกผลของซิโนฟาร์ม จะพบว่าในกลุ่มที่อายุเกิน 80 ปี มีถึง 34.5% ที่มีระดับแอนติบอดีไม่ถึงเกณฑ์ จึงมีข้อสรุปว่า ประสิทธิภาพของวัคซีนซิโนฟาร์มในการสร้างแอนติบอดีจะลดลงอย่างมากในผู้สูงอายุ
ปัจจุบันฮังการีเป็นประเทศเดียวในสหภาพยุโรปที่นำเข้าวัคซีนซิโนฟาร์มมาฉีดให้กับประชาชน และในสัปดาห์นี้เริ่มที่จะเสนอวัคซีนสำหรับฉีดกระตุ้นเป็นเข็มที่ 3 ให้กับประชาชนแล้ว










