InterGOLD มองทองคำเทรนด์ใหญ่ ‘ขาขึ้น’ โอกาสสะสมทยอย DCA

InterGOLD มองทองคำเทรนด์ใหญ่ ‘ขาขึ้น’ โอกาสสะสมทยอย DCA

การเงิน

ในโลกการลงทุนที่เต็มไปด้วยความผันผวน ‘ทองคำ’ ยังคงเป็นสินทรัพย์ที่นักลงทุนให้ความสนใจเสมอ ไม่ว่าจะผ่านกี่ยุคกี่สมัย ราคาทองคำยังสะท้อนทั้งความกังวล ความหวัง และโอกาสในการสร้างความมั่งคั่งได้เสมอ

สถานการณ์ราคาทองคำปีนี้ ถ้ามองกันในครึ่งปีแรกราคาทองเพิ่มขึ้นกว่า 25% จากปลายปี 2567 ถือเป็นสัญญาณว่าทิศทางหลักของทองคำยังคงอยู่ใน ‘ขาขึ้น’ โดยระหว่างทางมีการปรับฐานเป็นระยะ

[ เทรนด์ใหญ่คือขาขึ้น ]

‘ธีรรัฐ จุฑาวรากุล’ กรรมการผู้จัดการ InterGOLD พูดถึงแนวโน้มราคาทองคำว่า มีโอกาสที่ราคาทองคำจะปรับฐานแรง 100–150 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากตอบรับปัจจัยบวกไปมากแล้ว แต่เชื่อว่าแนวโน้มใหญ่ยังคงเป็นขาขึ้นในระยะยาว

สอดคล้องกับ ‘มรุต วสุนธรา‘ เทรดเดอร์ของบริษัท ที่ก็มองว่า ราคาทองคำสะสมข่าวดีทั้งสงคราม ภูมิรัฐศาสตร์ และแนวโน้มดอกเบี้ยสหรัฐฯ มานานแล้ว หากไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามา ราคาทองมีสิทธิอ่อนตัว โดยมองแนวรับที่ 3,300–3,200 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือราว 51,300–50,500 บาท

โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่

-นโยบายการเงินสหรัฐฯ หากเฟดยังไม่ลดดอกเบี้ยในปี 2568 กดดันต้นทุนการถือทอง

-สงครามการค้าที่เริ่มคลี่คลาย ทำให้แรงหนุนทองลดลง

– ภูมิรัฐศาสตร์ หากความขัดแย้ง อิสราเอล–อิหร่าน หรือรัสเซีย–ยูเครน ปะทุอีกครั้ง จะเป็นแรงดันราคาทันที

– ธนาคารกลางโลก โดยเฉพาะจีนยังคงซื้อทองต่อเนื่อง 9 เดือน มีบทบาทกำหนดทิศทางตลาดโลก

– ดอลลาร์สหรัฐฯ เกี่ยวกับปัญหาเพดานหนี้และนโยบายการเงินหนุนความต้องการทอง

– เงินเฟ้อ หากถูกกระตุ้นจากนโยบายการค้าและความขัดแย้ง จะหนุนราคาทองให้ปรับขึ้นต่อไปได้

[ แนะนำทยอย DCA พักเก็งกำไร ]

ทั้งนี้จากปัจจัยต่างๆ และแนวโน้มราครทองคำ InterGOLD แนะนำให้นักลงทุน ปรับจากการเก็งกำไรระยะสั้นๆ มาใช้การถัวเฉลี่ยต้นทุน (DCA) เพื่อกระจายความเสี่ยง และถือทองคำในสัดส่วนที่พอดีกับพอร์ต เพื่อให้สามารถยืนหยัดได้แม้ในช่วงตลาดผันผวน

อย่างไรก็ตาม ทองคำยังเป็น ‘สินทรัพย์ปลอดภัย’ ของนักลงทุนแม้เส้นทางราคาทองคำจะเต็มไปด้วยความผันผวน แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เปลี่ยนคือบทบาทของทองคำในฐานะสินทรัพย์แห่งความมั่นคง ที่ช่วยกระจายความเสี่ยงและรักษามูลค่าในระยะยาว

สำหรับนักลงทุนแล้ว ‘การมีทองคำในพอร์ต’  ไม่ได้เป็นเพียงการเก็งกำไร แต่คือการถือครองความมั่นใจในวันที่โลกไม่แน่นอน และนั่นคือเหตุผลที่ทองคำยังคงเปล่งประกายในทุกยุคทุกสมัย

[ เดินหน้าขยายธุรกิจ ตั้งเป้าโต 10% ]

ปีนี้ InterGOLD ตั้งเป้ายอดขายเติบโต 10% จากปีก่อนที่มูลค่า 610,000 ล้านบาท ครองส่วนแบ่งตลาดอันดับ 4 ของไทย โดยเฉพาะฐานลูกค้าบุคคลที่เพิ่มขึ้นถึง 50% ในครึ่งปีแรก

จุดเด่นของ InterGOLD คือเรื่องของการพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆ รวมถึงแพลตฟอร์มดิจิทัลด้วย  อย่างแอป Gold2Go สำหรับลูกค้ารายย่อย และ InterGOLD สำหรับร้านทอง มียอดดาวน์โหลดรวมกว่า 200,000 ครั้ง

โดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีแรกของปี 68 ที่ Gold2Go มียอดดาวน์โหลดเพิ่มขึ้นกว่า 70%  ทำให้บริษัทมีส่วนแบ่งการตลาดด้านแอปฯ ทองคำ จาก Gold2Go เป็นอันดับ 2 และ InterGOLD เป็นอันดับ 3 ในกลุ่มแอปฯ ให้บริการทองคำโดยเฉพาะ

มีแผนขยายเครือข่ายเพิ่มขึ้น โดยตั้งเป้ามีพันธมิตรร้านทองกว่า 3,000 แห่งทั่วประเทศ พร้อมบริการรับทองนอกกรุงเทพฯ เริ่มที่เชียงใหม่และขยายสู่หัวเมืองเศรษฐกิจสำคัญอื่นๆ ทั่วประเทศ

ในส่วนของนวัตกรรมใหม่ๆ  บริษัทมีการพัฒนาฟีเจอร์ All-in-One Platform และระบบ Auto-Trading รองรับนักลงทุนยุคดิจิทัล รวมถึงในอนาคตมีแนวทางพัฒนาฟีเจอร์ร่วมกับธนาคารพาณิชย์ชั้นนำหลายแห่ง

ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นว่า InterGOLD กำลังก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านแพลตฟอร์มดิจิทัลครบวงจร ที่พร้อมตอบโจทย์ทั้งร้านทองและนักลงทุนรายย่อยในยุคใหม่

เพราะเมื่อเทคโนโลยีและทองคำก้าวไปพร้อมกัน InterGOLD จึงไม่ได้เป็นเพียงแค่คนขายทอง แต่ยังขาย ‘ความมั่นใจ’ ให้กับนักลงทุนไทยในวันที่โลกเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน

ManassaweeWriterManassawee
นักข่าวการเงิน ที่มีความสนใจเรื่องการลงทุนและการตลาด อยากสื่อสารให้ทุกเรื่องการเงินเป็นเรื่องง่ายสำหรับทุกคน

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง