“พวกเทาๆ ไม่ต้องมาเหยียบพรรคกู” คุยกับ พล.อ.รังษี กิติญาณทรัพย์ หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจ ควบแคนดิเดตนายกฯ

“พวกเทาๆ ไม่ต้องมาเหยียบพรรคกู” คุยกับ พล.อ.รังษี กิติญาณทรัพย์ หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจ ควบแคนดิเดตนายกฯ 

“เรื่องความมั่นคงผมได้จาก รร.นายร้อย ปฏิบัติราชการกองทัพบก แต่เรื่องเศรษฐกิจ ผมได้จากพ่อแม่ผม”

 

นับนิ้วจริงๆ อาจไม่ถึง 2 เดือนด้วยซ้ำ ที่ชื่อ พล.อ.รังษี กิติญาณทรัพย์ รังษี หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจ และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี  ปรากฏบ่อยครั้ง และจับจองพื้นที่สื่อ ส่วนหนึ่งมาจากการให้ความเห็นถึง ชายแดนไทย-กัมพูชา อย่างเผ็ดร้อนใต้แว่นของข้าราชการทหาร ก่อนที่จะเปิดตัวเป็นทางการ ในฐานะแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค ที่หลายคนมองว่าคาแร็กเตอร์ทับทาง พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส 

‘ผอ.ช่อง 5 เคยถือแต่ไมค์ เคยรบที่ไหน’ ถึงหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทยจะออกปากแค่รุ่นน้อง ต้องกลัวอะไร ที่เมื่อนักการเมืองน้องใหม่มือขึ้น คว้าเบอร์ 11 ในการจับสลากหมายเลข สส.ปาร์ตี้ลิสต์ อะไรๆ ก็ดูจะสนุกขึ้นอีก 

แถมบนเวทีดีเบตช่อง 3 ‘เปลี่ยนใหม่หรือไปต่อ’ การลุกขึ้นตอบโต้หัวหน้าพรรคประชาชน ในประเด็นที่ว่าช่อง 5 ไม่เคยใช้งบประมาณประเทศหรือกองทัพ แม้จะถูกตรวจสอบกลับว่าไม่ถูกต้อง ได้รับงบบุคลากรจากรัฐ และใช้เงินนอกงบประมาณประเภทที่สอง 

แต่ไม่ว่าความจริงจะนำไปสู่อะไร ผลที่เห็นซึ่งหน้า คือหน้าตาและชื่อของ พล.อ.รังษี ไม่ได้ถูกจำในวงจำกัดอีกต่อไป แคนดิเดตนายกฯ รายนี้กลายเป็นผู้ท้าชิงแถวแรก ที่สื่อหลายสำนักขีดเส้นใต้ไปโดยธรรมชาติ ถึงจะงงอยู่บ้าง ว่าเปิดหน้าชนขนาดนี้ แต่ชื่อดันเป็นปาร์ตี้ลิสต์ลำดับที่ 10 ขณะที่ คริส โปตระนันทน์ ผู้ก่อตั้งพรรคเส้นด้าย เพื่อนร่วมพรรคปัจจุบัน จะอยู่ลำดับที่ 1

ซีรีส์ Real politik คุยการเมืองเรียลๆ จากคนการเมืองจริงๆ ของ สำนักข่าวทูเดย์ มีโอกาสพูดคุย พล.อ.รังษี เอาไว้ ตั้งแต่ครั้งยื่นรายชื่อเป็นทางการ ทั้งเรื่องจุดเริ่มต้นร่วมงาน ‘กลุ่มเส้นด้าย’ และเป้าหมายนับจากนี้

 

รับเงินบำนาญ ก็ต้องทำงานให้ชาติ

พล.อ.รังษี เริ่มต้นเล่าว่า อาสาทำงาน เพราะมองว่า ประเทศกำลังมีวิกฤติเศรษฐกิจและภัยความมั่นคง อย่าง กรณีหนี้สาธารณะ หนี้ครัวเรือน และหนี้ภาคธุรกิจ ที่ทะลุ 3 เท่าของ GDP  16 เท่าของงบประมาณแผ่นดิน ประกอบกับ ความขัดแย้งริมชายแดน รวมถึงปัญหาสแกมเมอร์ ที่เกี่ยวข้องกับข้าราชการ นักการเมือง และนักธุรกิจ

“กัมพูชาเป็นรัฐโจร เจ้าพ่อสแกมเมอร์ เป็นที่ฟอกเงิน เป็นที่ค้ามนุษย์ ทั้งที่เป็นข่าวเกาหลีใต้มาเอาคนคืน สหรัฐยึดเงิน เราก็ยึดเงินสแกมเมอร์หมื่นล้าน”

อีกทั้งโลกเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย มหาอำนาจต่อสู้ทางการค้า ขณะที่ การต่อสู้ด้านอาวุธ ที่เปิดฉากหลายสนามรบก็ไม่จบสิ้น

“ผมเป็นทหารบำนาญ รับเงินบำนาญ กินเงินภาษีประชาชน ผมเห็นแล้วว่าประเทศชาติมีวิกฤตแบบนี้”

วันนี้ไทยปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย ตัดสินด้วยเสียงข้างมาก เลือกตัวแทนมาบริหารประเทศ เมื่อมีผู้ใหญ่ท่านหนึ่งชวนตั้งพรรคการเมือง เช่นเดียวกับพรรคเส้นด้าย ที่เคยร่วมทำงานกันตั้งแต่โควิด-19 ครั้งเจ้าตัวเป็น ผอ.ช่อง 5 จึงตกลงกันไม่ยาก เปลี่ยนตัว เปลี่ยนเชื่อ เพราะมองว่า จากนี้ไปวิกฤตเศรษฐกิจจะเป็นเรื่องใหญ่ของโลก จนลงเอยถึงตอนนี้

เส้นทางทหารระดับพลเอก

พล.อ.รังษี กล่าวว่า ไม่ได้สนใจการเมือง เพราะผมเลือกอาชีพทหารมาตั้งแต่ต้น เติบโตมากับการเป็นลูกพ่อค้า แต่สนใจข่าวสาร โดยเฉพาะช่วงยุคสงครามเย็น ที่ทางการไทยต้องสู้กับคอมมิวนิสต์ มีคนเจ็บ คนตาย

ด้วยบรรยากาศ ณ ขณะนั้น ทำให้หลังเรียนมัธยมจบจาก เซนต์คาเบรียล ก็เข้า รร.เตรียมทหาร รุ่นที่ 22 เลือกเหล่าทหารบก ต่อด้วย รร.จปร. ก่อนจะเริ่มรับราชการเป็นทหารเหล่าม้า  อยู่กองพันทหารม้าที่ 4 รักษาพระองค์ ตั้งแต่ยศร้อยตรี ถึงพันโท แล้วขยับมาเป็นที่ปรึกษากองทัพภาคที่ 1 ที่ปรึกษาแม่ทัพภาพ 1 จบที่ผู้อำนวยการช่อง 5 อย่างที่หลายคนรับรู้กัน

จนถึงคราวเกษียณ ผู้ใหญ่สอบถามว่าสนใจการเมืองหรือไม่ “ท่านอยากให้ผมตั้งพรรคการเมือง เพราะว่าเราต้องเข้ามาสู้ในระบบ การรัฐประหารเกิดขึ้นหลายรอบแล้ว เมืองไทยมีแต่แย่ลง ไม่ได้ประโยชน์ เป็นผลร้ายกับประเทศ แล้วพอคณะรัฐประหารทำไม่ได้ ก็็สนับสนุนนักการเมืองเลวด้วยซ้ำไป”

พล.อ.รังษี เล่าว่า ครั้งเป็นทหารเด็กๆ สังกัดกองพันทหารม้าที่ 4 รักษาพระองค์ “มันเป็นหน่วยปฏิวัติ ที่คุณเห็นรถถังไปยึดสถานีโทรทัศน์ ก็มาจากกองพันที่ผมสังกัด เพราะเป็นกองพันเดียวใน กรุงเทพฯ ที่มีรถถัง”

“ผมเห็นแล้วว่าการรัฐประหาร หยุดความขัดแย้งได้ชั่วคราว แต่พอได้อำนาจมาแล้ว บริหารประเทศไม่เป็น ทำให้การรัฐประหารมันเสียของ”

พล.อ.รังษี ยังกล่าวอีกว่า ทหารรัฐประหารทีไร เพราะไม่เชี่ยวชาญเรื่องเศรษฐกิจ จึงลากนักการเมืองเก่าที่มีปัญหาอยู่แล้วเข้ามาทำงาน จึงไม่ต่างกับ ‘เหล้าเก่าในขวดใหม่’

แต่เจ้าตัวก็ไม่ปฏิเสธวิธีการนี้เสียทีเดียว เพราะมองว่า บางครั้งจำเป็นต้องหยุดเหตุการณ์ที่ทำให้รัฐไปต่อไม่ได้ แต่เห็นต่างที่จะต้องบริหารต่อ ไม่คิดส่งมอบอำนาจ 

“พอบริหารต่อ โดยที่ไม่คิดปฏิรูปหรือส่งต่อ เลยยิ่งเลวร้ายไปใหญ่…กลายเป็นอีกขั้ว ถ้าเข้ามาแล้วแก้ รธน.  ทำให้การเลือกตั้งโกงได้ยากที่สุด นักการเมืองเลว ถูกยึดอำนาจก็เป็นประโยชน์”

“คุณด่าเขาเลว แต่คุณเอาเขามาใช้ แล้วคุณก็ใช้วิธีเดียวกัน ยิ่งไปกันใหญ่ คุณเลยต้องวิ่งไปหานายทุน นายทุนมาวางแผนให้คุณ ก็ต้องเอาประโยชน์ของเขาเป็นหลัก”

อย่างไรก็ดี พล.อ.รังษี มองจุดแข็งของตนเองที่ต่างจากเพื่อนทหารด้วยกัน ตรงที่ตั้งแต่ 9 ขวบ ถูกฝึกให้รู้เรื่องธุรกิจ ทำงานโรงงานหล่อพระ ไปดูที่ดินกับพ่อ รวมถึงศึกษาหุ้น เรียนรู้การวางแผน การคาดการณ์ ซึ่งทั้งหมดเป็นธุรกิจบนโต๊ะ ไม่ใช้เส้นสาย ไม่ยัดเงินใต้โต๊ะ 

นั่นเองถึงทำให้เมื่อตัดสินใจเข้าสู่อาชีพทหาร แม่ถึงได้ไม่เห็นด้วย เพราะลูกชายคนโตในครอบครัวคนไทยเชื้อสายจีน ย่อมอยากให้ลูกสืบทอดตระกูล

“เรื่องความมั่นคงผมได้จาก รร. นายร้อย ปฏิบัติราชการกองทัพบก แต่เรื่องเศรษฐกิจ ผมได้จากพ่อแม่ผม” พล.อ.รังษี เอ่ยปาก 

 

ถึงเวลาที่ต้องกวาดดล้างบ้านครั้งใหญ่

เมื่อถามถึงนโยบายของพรรคเศรษฐกิจ ซึ่งจะใช้ลงสนามเลือกตั้งครั้งนี้ พล.อ.รังษี ย้ำว่า ต้องทำให้ประเทศไทย ‘ลุกขึ้นยืน เดิน และวิ่ง’ ผ่าน 4 นโยบาย เช่น

  • สร้างเมกะโปรเจกต์ ที่หารายได้ เพิ่มการลงทุน สร้างงาน สร้างอาชีพ ด้วยรถไฟความเร็วสูง ต่อเส้นทางจากเวียงจันทน์ สปป.ล่าว เข้ามาถึงหนองคาย เข้าโคราช แล้ววิ่งสู่กรุงเทพฯ เช่นเดียวกับ เส้นทางจากเหนือ ผ่านเชียงราย เชียงใหม่ เข้าตาก เพื่อทะลุถึงเมียวดี เมียนมา โดยสองข้างทางรถไฟกำหนดเป็นนิคมเกษตร อุตสาหกรรมนี้มีทีเด็ด คือ มีโรงงานปุ๋ย ศูนย์โดรนช่วยลดต้นทุนผลิต ศูนย์รถเก็บเกี่ยว และมีใบส่งออก

“ยังไงเกษตรเป็นจุดแข็งของเรา เราดินฟ้าอากาศเหมาะกับการเกษตรบอกให้เลย ว่าวิกฤตความมั่นคงของโลก ถ้ามันเกิดสงครามใหญ่ อาหารคือสำคัญที่สุด”

  • โครงการเชื่อมทะเล Ocean Link สร้างให้ไทยเป็นเส้นทางที่ 6 ของเอเชียที่มนุษย์สร้าง คล้ายครองปานามา เฟส 2 คือ คลองลอย ให้เป็นเส้นทางที่ 6 ของเอเชีย ระยะทาง 85 กม. จากกระบุรี ระนอง ไปถึงหลังสวน ชุมพร
  • แก้ปัญหาคอร์รัปชันด้วยกฎหมาย

“การคอร์รัปชัน และการที่ข้าราชการผิด มาตรา 157 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ประหารชีวิต ทั้งผู้ให้และผู้รับ โทษประหารและขังไม่มีการลดโทษ”

พล.อ.รังษี กล่าวว่า ต้องจัดการด้วยโทษหนัก การนั่งบ่นไม่ช่วยอะไร อย่างที่ผ่านมาจัดการสแกมเมอร์ ที่หลอกลวงไปเป็นแสนล้านบาท ด้วยโทษติดคุก 8 ปี คนทำผิดไม่มีทางกลัว

  • ปฏิรูปตำรวจ ด้วยการเอาอำนาจสอบสวนออกมา เหลือแค่จับกุมกับสืบสวน เพราะที่ผ่านมา ตำรวจบิดพริ้วได้ ก็เพราะจับและทำสำนวนเอง “ปรับปรุงลดตำแหน่งนายพล เพราะหน้าที่จับกุม ควรมีพลตำรวจ นายสิบ จ๋า นายร้อยเยอะๆ”

อีกหนึ่งคำถามที่พลาดไม่ได้คือ จะจัดการกรณีขัดแย้ง ไทย-กัมพูชา ได้อย่างไร? “เราต้องจัดการศึกในให้ได้ ศึกในสำคัญ เราเสียกรุงศรีฯ 2 ครั้งก็เพราะศึกใน ศึกนอกสร้างสมดุลทางยุทธศาสตร์ได้ ไม่ต้องกลัว”

นี่เป็นคำตอบของ พล.อ.รังษี ที่ขยายความต่อว่า ถ้าไม่มีผู้สมรู้ร่วมคิดในประเทศไทย กัมพูชาคงไม่กล้าเหิมเกริมขนาดนี้หรอก คนไทยตาสว่าง แล้วว่า แก๊งสแกมเมอร์มีความสัมพันธ์ครบทุกวงการ

“ถ้าคุณได้นายกฯ ตรงไปตรงมา ต้องไปกลัวทำไมคนพวกนี้ ไม่ใช่พ่อคุณนิ ทำผิดกฎหมายก็ต้องจัดการ ไม่งั้นจะมีรัฐบาลไว้ทำไม”

พล.อ.รังษี กล่าวว่า ห่วงที่สุดคือเงินเทาในประเทศที่อยู่ในเมืองไทยเป็นแสนล้าน ที่อาจส่งผลต่อหน้าตาการเมืองไทย  “ได้ สส. สแกมเมอร์ มาตั้งนายกฯ สแกมเมอร์ ตั้งรัฐมนตรีสแกมเมอร์ ตั้งข้าราชการสแกมเมอร์ ช่วยนักธุรกิจสแกมเมอร์ เจ๊งทั้งประเทศ”

นี่เองทำให้เจ้าตัวตั้งใจรณรงค์อย่างหนัก ให้ประชาชนไม่เลือกพรรคการเมืองที่เกี่ยวข้องกับสแกมเมอร์ และซื้อเสียง

“พวกเทาๆ ไม่ต้องมาเหยียบพรรคกูเลย…นโยบายผมจัดการผลประโยชน์คนเยอะ แต่ชาติกับประชาชนได้ประโยชน์สุดๆ” พล.อ.รังษี กล่าวทิ้งท้าย

SmitananWriterSmitanan

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง
“พวกเทาๆ ไม่ต้องมาเหยียบพรรคกู” คุยกับ พล.อ.รังษี กิติญาณทรัพย์ หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจ ควบแคนดิเดตนายกฯ