มุนจูวิ่งตอนพระอาทิตย์ขึ้นกลางฤดูหนาว…
ซานโฮไม่ได้กู้ระเบิดด้วยมือตัวเอง…
ไม่มีฉากไหนใส่มาคั่นเรื่อง ทุกฉากสะท้อนความหมายที่คิดมาแล้ว
Tempest ซีรีส์จาก Disney+ Hotstar เป็นที่พูดถึงตั้งแต่ก่อนออกฉาย ด้วยการรวมดาวนักแสดงแถวหน้าของวงการมาไว้ด้วยกัน รวมถึงการเป็นซีรีส์ที่ นักเขียนจองซอคยอง และ ผู้กำกับ คิมฮีวอน กลับมาร่วมงานกัน
ย้อนกลับไป ทั้งคู่สร้างผลงานคุณภาพ ที่ใส่ทั้งบริบทของสงคราม ความเป็นหญิง และทริลเลอร์มารวมกันไว้อย่างลงตัว และแตกต่างไว้กับ Little Women ยังไม่รวมผลงานติดดาวอีกมากมาย ที่ทั้งสองมีแยกกัน
โดย นักเขียนจองซอคยอง เป็นนักเขียนคู่ใจของพัคชานอุค ผู้กำกับมือเก๋าของวงการ ตั้งแต่ Lady Vengence และ ผู้กำกับคิมฮีวอน ก็มีผลงานที่ผู้ชมชาวไทยรัก เช่น The Crowned Clown, Crash Lading On You, Vincenzo, Queen of Tears ฯลฯ
งานนี้ยิ่งได้ผู้กำกับที่ถนัดคิวบู๊อย่างฮอมยองแฮงมาร่วมด้วย แฟนซีรีส์เกาหลีย่อมรู้ดีกว่า Tempest เป็นซีรีส์ที่จะมองข้ามไปไม่ได้
เพื่อส่งท้าย Tempest ซีรีส์ที่รวมเมโลดราม่า แอ็คชั่น ทริลเลอร์ และบริบาททางการเมืองที่ทำให้ซีรีส์ทั้งดูสนุกและลุ่มลึก รวมไปถึงงานภาพระดับโลก และการแสดงที่ละเอียดลออ สำนักข่าว TODAY มีโอกาสพูดคุยกับนักเขียนบท และผู้กำกับทั้งสองคน ที่ใช้ เมโลดราม่า (นาฏกรรมสะเทือนอารมณ์) เป็นเครื่องมือที่ทรงพลัง
[ เริ่มต้นจากตัวเอกที่ปรารถนา ‘ก้าวเดินต่อไปแม้ต้องเดิมพันด้วยชีวิต’ ]
“เมโลดราม่า เป็นแนวที่ทรงพลังมากนะคะ มันทำให้ผู้คนจินตนาการภาพที่เต็มไปด้วยอารมณ์ และยิ่งใหญ่ขึ้นมาก แม้ว่าจะใส่ความเป็นเมโลดราม่าลงไปเล็กน้อยแค่ไหน ถ้าเราใส่พาร์ทเมโลดราม่าเข้าไปอีก สงสัยว่าเราต้องเรียกว่านี่เป็น นาฏกรรมสะเทือนอารมณ์ขนานใหญ่ บวกกับความเป็นทริลเลอร์สายลับเล็กน้อย แล้วล่ะคะ”
นักเขียนจองซอคยองตอบ เมื่อถูกถามว่าเธอจะยังคงนิยามว่า Tempest เป็นละคร ‘เมโลดราม่าสายลับ’ เหมือนกับที่เคยตั้งโจทย์ไว้ ครั้งเริ่มโปรเจ็กต์หรือไม่
เธอยังยืนยันว่า Tempest เป็นซีรีส์ที่ผสมแนวทริลเลอร์สายลับเข้ากับเมโลดราม่า โดยที่เธอนั้น “ตั้งใจที่จะเขียนให้องค์ประกอบที่เป็นเมโลดราม่าอยู่ น้อยกว่า 50% ของเรื่อง”

ภาพ Disney+ Hotstar
ย้อนกลับไป ถึงจุดเริ่มต้นของการกลับมาร่วมงานกัน หลังจากเรื่อง Little Women นักเขียนจองซอคยอง เล่าว่า เป็นคนถาม ผู้กำกับคิมฮีวอน เองว่า มีเรื่องราวแบบไหนที่อยากจะเล่าหลังจากนี้ “เล่าเรื่องราวของตัวเอกที่งดงามสองคน ที่จะก้าวเดินต่อไปแม้จะต้องเดิมพันด้วยชีวิต” ผู้กำกับคิมฮีวอน ตอบเธอในวันนั้น
ทั้งสองจึงคุยเรื่องคอนเซปต์กันทันที ก่อนที่ช่วงประมาณหนึ่งปีหลังจากนั้น ความคิดต่างๆ ค่อยๆ ไหลมา จนเริ่มพัฒนา Tempest ขึ้นมาอย่างจริงจัง
[ความหลงใหลของคำทำงาน จุดให้ Tempest ลุ่มลึกไปอีกขั้น ]
‘ความทุ่มเทอย่างน่าเชื่อเหลือเชื่อ’ คือเหตุผลที่ นักเขียงจองซอคยอง กล่าวไว้ ถึงเหตุผลที่อยากร่วมงานกับผู้กำกับคิมฮีวอนอีก เพราะสัมผัสถึงได้ตลอดการทำ Little Women ด้วยกัน
“ตั้งใจเขียนเรื่องที่มีความหมาย เพื่อให้คุณคิมฮีวอนทุ่มเททำงาน ได้อย่างเต็มที่เป็นโปรเจกต์ถัดไป”
“ทีมโปรดักชันเกาหลี มีความสามารถน่าทึ่งในการสร้างผลงานที่ยอดเยี่ยมขึ้นมาได้ ด้วยทรัพยากรและเวลาจำกัด ฉันก็เลยอยากจะเขียน เรื่องที่เปิดโอกาสให้พวกเขาได้แสดงศักยภาพอย่างเต็มที่ และเมื่อเรื่องค่อยๆ คลี่คลายในแต่ละตอน ผลงานของพวกเขาจะยิ่งน่าประทับใจขึ้น ฉันภูมิใจกับทีมที่ทำให้โปรเจ็กต์นี้เป็นจริงได้มากๆ ค่ะ” จองซอคยอง กล่าว
Tempest เรื่องราวเกี่ยวกับสายลับ และสงครามระดับโลก ฉากแอ็คชั่นจึงเป็นส่วนสำคัญของเรื่อง ที่ได้ผู้กำกับ ฮอมยองแฮง มาดูแล ซึ่งผู้กำกับคิมฮีวอนกล่าวถึงการร่วมงานกับฮอมยองแฮงเป็นครั้งที่ 3 ว่านี่เป็นการทำงานที่ ‘มีความลุ่มลึกมากที่สุด’
“ผู้กำกับฮอคอยยึดฉันไว้ให้อยู่กับความเป็นจริง ด้วยอินไซด์เฉียบคมแบบของเขาค่ะ เขาเป็นคนที่ทำให้ฉันตื่นตัวอยู่เสมอ ด้วยธรรมชาติของโปรเจ็กต์นี้ เราเลยได้คุยกันลึก และลงรายละเอียดแทบทุกฉากทุกไอเดีย ฉันมีความสุขมากที่ได้เห็นว่าผลงานที่ออกมา สะท้อนการทำงานของเราได้อย่างสมบูรณ์แบบเลยค่ะ เป็นประสบการณ์ทำงานที่สนุกมาก และฉันคิดจริงๆ นะคะ ว่าจะได้มีงานอื่นที่เราจะได้สนุกกันเท่านี้อีกไหม”
Tempest เป็นละครที่รวมหลายแนวเข้าด้วยกัน และความเป็นทริลเลอร์แอ็คชั่นนั้นผสานเข้ากับฉากโรแมนซ์อย่างกลมกลืน
“ฉากแอ็คชั่นทำให้เกิดอารมณ์ และละครแนวใหม่ค่ะ โดยความเป็นละครแนวใหม่นั้น ก็จะทำเกิดแอ็คชั่นแบบใหม่เช่นกัน ด้วยความที่มีโครงสร้างแบบนี้ ในใจทั้งฉันและก็ผู้กำกับฮอ เลยคุยกันแบบลงลึกเกี่ยวกับทุกฉากที่อยู่ในบทเลยค่ะ เพราะเรามีเป้าหมายว่าจะทำให้ทั้งฉากแอ็คชั่น และดราม่ารวมกันเป็นภาพเดียว” ผู้กำกับคิมฮีวอนเล่า
“ฉันจะถ่ายทอดเรื่องอารมณ์ที่เกิดมาจากความเมโลดราม่าของเรื่อง และผู้กำกับฮอก็จะออกแบบฉากแอ็คชั่นที่จะทำให้อารมณ์เหล่านั้นปรากฏขึ้นมา และฉันก็จะรับไม้ต่อจากนั้น นำมายกระดับผ่านละครอีกที มันเป็นกระบวนการสร้างสรรค์ที่ฉันฝันถึงมาตลอด และต้องขอบคุณแรงสนับสนุนของทั้งทีมด้วย ที่ทำให้ผลงานที่งดงามชิ้นนี้ได้มีชีวิตขึ้นมาค่ะ”

ภาพ Disney+ Hotstar
[ ‘งานแอ็คชั่น’ ตั้งต้นจากความเข้าใจตัวละคร? ]
ผู้กำกับฮอมยองแฮง เล่าให้ฟังถึงการทำงานกับฉากแอ็คชั่นที่หลากหลาย อย่าง การต่อสู้ของซานโฮ ที่มีทั้งแบบประชิดตัว และการใช้อาวุธ โดยเขากล่าวว่า สไตล์การต่อสู้ของตัว ซานโฮ (รับบทโดย คังดงวอน) เขาตั้งใจให้เป็นการเคลื่อนไหวแบบ ‘เรียบง่ายแต่ทรงพลัง’ ซึ่งเริ่มตั้งต้นตีความจากวิธีคิดและกระทำ วิธีการที่ซานโฮปกป้องมุนจู ก็เป็นหนึ่งในผลลัพธ์ของกระบวนการคิดนี้
ส่วนที่หลายคนประทับใจ กับซีนแอ็คชั่นที่ออกมาโรแมนติกนั้น ผู้กำกับฮอมยองแฮง เผบเคล็ดลับไว้ว่า “หัวใจหลักคือความต้องการที่จะปกป้องหญิงสาวคนนั้นจากใจจริงครับ แล้วความโรแมนติกมันจะออกมาเองอย่างเป็นธรรมชาติ”
แน่นอนว่า ฉากแอ็คชั่นที่น่าจะทำให้ผู้ชมหลายคน อดคิดไม่ได้ว่า การเอาตัวรอดจากความตายมันจะโรแมนติกขนาดนี้ได้ยังไง หนีไม่พ้น ในตอนที่ 3 ฉากสลับที่นั่งกู้ระเบิดในรถไฟ แต่ที่จริงแล้ว ฉากนั้นเกือบจะไม่ได้เป็นอย่างที่เราเห็นบนจอ
“ในบทละครต้นฉบับของฉัน ที่จริงแล้วซานโฮที่เป็นอดีตสายลับพิเศษ กู้ระเบิดได้สำเร็จ และช่วยมุนจูออกมาได้ค่ะ แต่ผู้กำกับทั้งคู่ให้ความเห็นว่า มันให้ความรู้สึกเหมือนไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นเลย และวิธีการจัดการกับระเบิดที่พบบ่อย และปลอดภัยที่สุด คือการจุดระเบิดในสภาวะที่ควบคุมได้ ฉันก็เลยเขียนฉากที่ซานโฮส่งมุนจูออกไปอย่างปลอดภัย และปล่อยให้มันระเบิดขึ้นมาค่ะ ถ้าไม่ได้ไอเดียจากผู้กำกับทั้งสองคน ฉากที่มุนจูกับซานโฮสลับที่นั่งกันคงไม่เกิด ฉันดีใจจริงๆ ที่มันออกมาแบบนี้ค่ะ”
[ Tempest รวมสุดยอดนักแสดงราวถูกหวย ]
นอกเหนือจากการรวมตัวของสุดยอดทีมงาน เบื้องหลัง Tempest ยังรวมสุดยอดนักแสดงเข้าไว้ด้วยกัน
“สำหรับซีรีส์ที่ต้องมีทั้งแอ็คชั่น และความโรแมนติก ฉันคิดว่าคงไม่มีทีมไหนที่จะไม่มี ชื่อจอนจีฮยอน กับ คังดงวอน อยู่ในอันดับต้นๆ ของรายชื่อแน่ค่ะ และเราก็ติดต่อหาทั้งสองคนนั้นทันทีเลยเหมือนกัน และต้องขอบคุณมากๆ ที่พวกเขาตอบตกลงมาทันที เอาจริงๆ นะคะ มันเหมือนกับถูกหวยเลยค่ะ เป็นปาฏิหาริย์จริงๆ ที่สิ่งนี้เกิดขึ้นได้”
สิ่งหนึ่งที่ดึงดูดให้นักแสดงสนใจ และอยากจะมารับบทตัวเอกในบทละครของนักเขียนจองซอคยอง โดยเฉพาะนักแสดงหญิง คงหนีไม่พ้นเอกลักษณ์ในการเขียนตัวละครหญิงให้ทั้งเข้มแข็ง ซับซ้อน แต่ก็มีความอ่อนไหว อ่อนโยน ทว่าไม่อ่อนแอ และมีความเป็นมนุษย์อย่างเต็มเปี่ยม
จองซอคยอง เล่าถึงการสร้างตัวละครหญิงไว้ว่า เธออยากวาดภาพผู้หญิงเหล่านี้ว่าเป็นคนเข้มแข็ง และเพื่อที่จะสะท้อนความเข้มแข็ง ทั้งร่างกายและจิตใจของมุนจู

ภาพ Disney+ Hotstar
จึงกลายเป็นเหตุผลที่ ตัวเอกออกวิ่งตอนพระอาทิตย์ขึ้น ท่ามกลางฤดูหนาวตั้งแต่เริ่มเรื่อง ทว่า เพื่อที่จะแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งที่เด่นชัด นักเขียนต้องแสดงให้เห็นถึงความเปราะบางของพวกเธอด้วย เพราะมันสำคัญมากที่จะเผยให้เห็นว่า ความเข้มแข็งนั้นมาจากที่ไหน และพวกเขากำลังต่อสู้กับอะไรอยู่
“แม้แต่ผู้หญิงที่อยู่ในชนชั้นบน และทรงพลังอย่างมุนจู ก็มีด้านที่เปราะบางในมุมของครอบครัว และการแต่งงานได้เหมือนกัน ผู้หญิงมากมายเป็นแบบนั้น และในเรื่องนี้ ฉันอยากจะแสดงให้เห็นว่า พวกเขาก้าวข้ามผ่านความเปราะบางนั้นมาได้อย่างไรค่ะ”
สถานการณ์ใน Tempest นั้น ทั้งเหนือจริงแต่ก็ชวนเชื่อ และการทำให้เกิดความสมดุลระหว่างสองสิ่งนี้ และยังทำให้ตัวละครสะท้อนความเป็นมนุษย์อยู่เป็นเรื่องยาก แม้แต่สำหรับผู้เขียนบทคนเก่งอย่างจองซอคยอง
“มันเป็นเรื่องที่ยากเสมอเลยค่ะ ฉันบอกตัวเองอยู่เสมอเลยว่า ฉันอยากเขียนเรื่องที่สมจริง แต่ความจริงแล้วฉันคิดว่าเรื่องราวมันจะไม่น่าสนใจเลย ถ้าไม่มีองค์ประกอบของความแฟนตาซี หรือ ความดรามาติกบางอย่างเข้ามาเกี่ยวข้อง รายละเอียดใน Tempest หลายๆ อย่าง ถูกเขียนขึ้นมาอย่างสมจริง จากการค้นคว้าและการปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญ แต่ส่วนที่สำคัญที่สุด ถูกเขียนให้มีสีสันแบบดราม่า หรือใส่ความเหนือจริงเข้าไปค่ะ”
อย่าง องค์กรที่ซานโฮอยู่ ซึ่งเชื่อมโบสถ์คาทอลิก เกาหลีเหนือกับเกาหลีใต้เข้าด้วยกัน เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นมาทั้งหมด ไม่มีอยู่จริงเลย โดย จองซอคยอง เขียนขึ้นมาด้วยความคิดว่า ‘ถ้ามันมีอะไรแบบนี้อยู่จริงๆ มันจะเป็นยังไงกันนะ’
Tempest เป็นชื่อภาษาอังกฤษของซีรีส์ แต่ที่จริงแล้วชื่อเกาหลีนั้นคือ 북극성 (บุกกึกซอง) ที่แปลว่าดาวเหนือ หรือว่า Polaris ซึ่งสำหรับผู้กำกับคิมฮีวอนนั้นมีสองความหมาย คือ ‘ความเยือกเย็นของหัวใจหลักของเรื่อง และเจตจำนงอันแรงกล้า ที่ตัวละครเอกยึดถือและก้าวตามอย่างสุดหัวใจ’
แต่แทนที่จะแปลชื่อเกาหลีเป็นภาษาอังกฤษตรงๆ พวกเขาเลือกชื่อ Tempest ซึ่งมีความว่า ‘พายุพิโรธ’ เพราะพวกเขาชอบที่คำนี้ ให้ความรู้สึกเหมือนอารมณ์ปะทุออกมามากกว่า “เราหวังว่าให้ผู้ชมทั่วโลก จะสัมผัสได้ถึงคลื่นใต้น้ำที่ไหลเชี่ยวอยู่ใต้เรื่องราวทั้งหมดค่ะ” นักเขียนจองซอคยอง กล่าว

ภาพ Disney+ Hotstar
[ หวังให้คนดูได้อะไรกลับไปบ้าง? ]
ตอนท้าย ทั้งสองคนตอบคำถามถึงสิ่งที่อยากให้ผู้ชมกลับไปขบคิด นักเขียนจองซอคยอง กล่าวว่า ต้องการถ่ายทอดสถานการณ์ที่เกิดขึ้นรอบคาบสมุทรเกาหลี ด้วยซีรีส์ที่มีหลากหลายแนว และย้ำเตือนผู้ชมถึงอันตราย และภัยคุกคามว่า ‘ไม่มีผู้ใดหรอก ที่จะหลีกพ้นความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไปได้’ เพิ่มฉากแอ็คชั่นระทึกใจเข้าไป
“ฉันอยากเขียนถึงธรรมชาติอันยั่งยืนของความรัก ที่คงอยู่ในหัวใจของกันและกัน เช่นเดียวกับที่ Tempest มีความหมายสำหรับฉัน ฉันหวังว่ามันจะยังคงมีความหมายสำหรับผู้ชม ในฐานะช่วงเวลาแห่งความรัก ที่ลึกซึ้งที่เหนือกว่าสิ่งใดในโลก”
ด้าน ผู้กำกับฮอมยองแฮง หวังว่าซีรีส์เรื่องนี้ จะเป็นช่วงเวลาที่ทำให้ผู้ชมได้ระลึกถึงคุณค่าของจิตวิญญาณ แห่งการเสียสละเพื่อคนที่เรารัก ส่วนผู้กำกับคิมฮีวอน หวังเพียงให้ผู้ชมมีความสุขกับผลงานของเธอเพียงเท่านั้น
“สิ่งที่นักแสดงและทีมงานที่ดีจะหวังได้ ก็มีแค่อยากให้คนดูมีช่วงเวลาที่ดีเท่านั้นเลยค่ะ มันอาจจะฟังดูซ้ำซาก แต่เราทำงานด้วยความคิดที่ว่า ไม่มีอะไรที่จะมีค่ากับเราไปมากกว่านี้ ถ้าคุณดูและจำได้ว่าดูละครเรื่องนี้แล้วสนุก เราก็ไม่มีอะไรมากกว่านี้ที่จะขอแล้วค่ะ” กล่าวทิ้งท้าย
Tempest ปิดฉากซีรีส์ตอนสุดท้ายในวันที่ 1 ตุลาคม ทาง Disney+ Hotstar เท่านั้น










