จีนโวยแผนเรือดำน้ำพลังนิวเคลียร์ ของ สหรัฐ-อังกฤษ-ออสเตรเลีย “ไร้ความรับผิดชอบ”

จ้าวหลี่เจียน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่าความร่วมมือดังกล่าวเสี่ยงเป็นอย่างยิ่งที่จะทำลายสันติภาพภายในภูมิภาคและทำให้การแข่นขันสะสมอาวุธระหว่างประเทศเข้มข้นยิ่งขึ้น ระบุว่าเป็นแนวคิดที่ “หลงมาจากสงครามเย็น” และเตือนประเทศทั้งสามว่า “กำลังทำร้ายผลประโยชน์ของชาติตนเอง” ด้านสื่อของรัฐบาลจีนออกบทบรรณาธิการโจมตีออสเตรเลียว่ากำลังเปลี่ยนตัวเองเป็นปรปักษ์กับจีนทั้งที่เป็นคู่ค้ารายใหญ่ของกันและกันมาโดยตลอด

Aukus หรือโครงการความร่วมมือระหว่างสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และออสเตรเลียในการสร้างเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ ประกาศโดยโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา บอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร และสก็อต เมอริสัน นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย ทันทีที่ประกาศ โครงการนี้ถูกตีความอย่างกว้างขวางว่าเป็นความพยายามในการถ่วงดุลอำนาจจีนที่กำลังแผ่ขยายทั่วทะเลจีนใต้ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีความดึงเครียดสูงมากหลายปี

โดยเป็นครั้งแรกที่รัฐบาลสหรัฐอเมริกายอมแบ่งปันเทคโนโลยีเรือดำน้ำของตนกับประเทศอื่นในรอบ 50 ปี ซึ่งจะทำให้ออสเตรเลียสามารถสร้างเรือดำน้ำพลังนิวเคลียร์ที่เร็วขึ้นและตรวจจับได้ยากขึ้นเทียบกับเรือดำน้ำที่ใช้พลังงานแบบเดิม เรือดำน้ำแบบใหม่นี้อยู่ใต้น้ำได้นานร่วมเดือนและยิงมิสไซส์ได้ในระยะไกลกว่าเดิม ทั้งนี้ออสเตรเลียระบุว่าไม่ต้องการให้เรือดำน้ำนี้ติดอาวุธนิวเคลียร์แต่อย่างใด และได้รับการถ่ายทอดความสามารถทางไซเบอร์ ตลอดจนเทคโนโลยีใต้สมุทรด้วย

ทั้งสามประเทศไม่ได้กล่าวถึงจีนโดยตรงระหว่างการแถลงข่าว กล่าวเพียงถึงความเสี่ยงทางความมั่นคงในภูมิภาคทะเลจีนใต้ที่กำลังสูงขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งในหลายปีที่ผ่านมา จีนถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าสร้างความตึงเครียดภายในน่านน้ำดังกล่าว

ขณะที่ฝรั่งเศสออกมาแสดงความไม่พอใจ เนื่องจากมีสัญญากับออสเตรเลียว่าจะสร้างเรือดำน้ำ 12 ลำอยู่แล้ว เมื่อออสเตรเลียเข้าร่วมกับความร่วมมือนี้ทำให้รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศฝรั่งเศสแสดงความผิดหวังว่า “เหมือนถูกแทงข้างหลัง”

ขณะนี้ประเทศที่ถือครองเรือดำน้ำนิวเคลียร์มากที่สุดคือสหรัฐอเมริกา 68 ลำ รองลงมาคือรัสเซีย 29 ลำ จีน 12 ลำ สหราชอาณาจักร 11 ลำ ฝรั่งเศส 8 ลำ อินเดีย 1 ลำ