ครึ่งปีหลังลงทุนอะไรดี? เป็นคำถามที่ยังสงสัย เพราะมองตลาดการลงทุนโดยรวมตอนนี้ก็มีหลายอย่างที่ยังไม่ชัดเจนและมีปัจจัยที่ตลาดยังรอคอย ซึ่งในสภาวะแบบนี้ลงทุนอะไรถึงจะเวิร์คและยังให้ผลตอบแทนที่ดี
TODAY Bizview มีโอกาสได้รับฟังมุมมองจากผู้จัดการกองทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อีสท์สปริง (ประเทศไทย) หรือ บลจ.อีสท์สปริง (ประเทศไทย) เกี่ยวกับแนวโน้มการลงทุนและสินทรัพย์ที่แนะนำในช่วงครึ่งปีหลัง 2567 รวมถึงแผนการดำเนินกิจการในระยะยาวขององค์กร
‘ยิ่งยง เจียรวุฑฒิ’ รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายจัดการลงทุน บลจ.อีสท์สปริง (ประเทศไทย) จำกัด เล่าถึงสถานการณ์การลงทุนในช่วงครึ่งปีหลัง โลกยังคงเผชิญความท้าทายจากปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์และการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ส่งผลต่อความผันผวนของภาพรวมการลงทุน
ดังนั้น เวลาเลือกลงทุนไม่เฉพาะแค่หุ้น แต่ยังรวมไปถึงตราสารหนี้ จำเป็นต้องเลือกหุ้นแบบรายประเทศ โดยที่ในครึ่งปีหลังการลงทุนที่ทางบลจ.อีสท์สปริง ยังคงแนะนำ ได้แก่
[ 3 ตลาดน่าลงทุนพร้อมเติบโต ]
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ : โดยเฉพาะหุ้นขนาดใหญ่และหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ได้ประโยชน์จากธีม AI ซึ่งในครึ่งปีหลังคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงเติบโตได้ แม้เริ่มมีสัญญาณชะลอตัวให้เห็นจากดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูง แต่การเติบโตของยอดขายและรายได้ที่แข็งแกร่งยังคงเป็นปัจจัยหลักที่สนับสนุนตลาดหุ้นสหรัฐฯ
ตลาดหุ้นอินเดีย : อินเดียเป็นประเทศที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างโดดเด่น รวมถึงผลการเลือกตั้งที่รัฐบาลสามารถดำเนินนโยบายได้ต่อเนื่อง และห่วงโซ่อุปทานที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้ตลาดหุ้นอินเดียถือว่าน่าสนใจเป็นอย่างมาก นอกจากนี้อินเดียยังเป็นประเทศเดียวที่มีการขยายตัวของเศรษฐกิจ (GDP) เพิ่มขึ้นในทุกๆ เดือน
ตราสารหนี้สหรัฐฯ : จากอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯที่ยังสูงปัจจุบันอยู่ที่ราวๆ 5% ทำให้การลงทุนในตราสารหนี้ในจังหวะนี้น่าสนใจมาก เพราะคาดว่าจะสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีหลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) จะเริ่มลดดอกเบี้ยในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้ ซึ่งจะส่งผลบวกต่อตลาดตราสารหนี้
[ หุ้นไทย ยังเสี่ยงติดลบ ]
ส่วน ตลาดหุ้นไทย ยังคงมีความเปราะบางจากภาพเศรษฐกิจที่โตต่ำเป็นสาเหตุให้นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยออกมาเรื่อยๆ โดยครึ่งปีแรกดัชนีตลาดหุ้นไทยยังคงให้ผลตอบแทนติดลบที่ -6.07% จึงมีคำแนะนำให้สัดส่วนในพอร์ตลง และได้ประเมินดัชนีช่วงสิ้นปีไว้ที่ 1,350-1,370 จุด
อย่างไรก็ตาม หุ้นไทยยังมีจุดแข็งจากการที่รับข่าวร้ายไปเยะแล้ว และหุ้นขนาดใหญ่ยังมีความน่าสนใจและมีสภาพคล่องที่สูง จึงมีหุ้นที่ยังสามารถลงทุนได้ โดยเฉพาะในครึ่งปีหลังที่ไตรมาส 4 เป็นช่วงไฮซีซันของการท่องเที่ยว หุ้นในกลุ่มที่แนะนำจึงเป็นกลุ่มท่องเที่ยวและโรงแรม กลุ่มเฮลท์แคร์และหุ้นที่มีการจ่ายปันผลดี
[ ขยายตลาดกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ]
ด้าน ‘ดารบุษป์ ปภาพจน์’ กรรมการผู้จัดการ บลจ.อีสท์สปริง ได้พูดถึงการขับเคลื่อนองค์กรในระยะยาว โดยมุ่งเน้นสร้างความมั่นคงทางการเงินให้คนในสังคมเพื่อรองรับการเกษียณ โดยหลังจากเปิดตัวโมบายแอปพลิเคชัน ‘Eastspring M Choice TH’ ในครึ่งปีหลัง ยังได้พัฒนาฟีเจอร์ใหม่ให้สมาชิกสามารถปรับสัดส่วนอัตราเงินสะสมผ่านช่องทางดิจิทัลได้ไม่ต้องกรอกแบบฟอร์มกระดาษ
และได้มีต่อยอดการให้บริการผ่านช่องทางดิจิทัล ด้วยการเปิดตัว ’EastspringPVD Employer Online’ บริการที่จะช่วยอำนวยความสะดวกให้นายจ้าง และ ’Eastspring PVD Fund Committee’ สำหรับคณะกรรมการกองทุน
ซึ่งการมีบริการผ่านช่องทางออนไลน์โดยตรง ทำให้ไม่ต้องมีการส่งข้อมูลทางอีเมลระหว่างกันและ ยังเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ซึ่งเป็นไปตามกลยุทธ์ในการทำงานแบบ Smart Work-Smart Solution ขององค์กร
ด้วยจุดแข็งของการมีผลิตภัณฑ์ที่มีทางเลือกการลงทุนที่หลากหลายกว่า 30 นโยบาย ตลอดจนการพัฒนาด้านการบริการอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้บลจ.อีสท์สปริง มีจำนวนลูกค้าผู้ใช้บริการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
โดยปัจจุบันมีลูกค้ารวม 1,949 บริษัท จำนวนสมาชิก168,115 ราย และ มีมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพอยู่ที่ 61,682 ล้านบาท (ข้อมูล ณ 31 พฤษภาคม 2567)
ขณะที่สินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) ก็ยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีขนาด AUM ของธุรกิจกองทุนรวมเป็นอันดับที่ 6 ของประเทศ คิดเป็นสัดส่วน 6.39% (ข้อมูลจาก AIMC ณ 30 มิถุนายน 2567)










