ตำรวจอิหร่านยิงกระสุนจริง-ใช้แก๊สน้ำตา สลายการชุมนุมชาวอิหร่านจำนวนมาก ที่เดินทางไปร่วมพิธีศพ ‘มาห์ซา อามินี’ หญิงชาวอิหร่านที่เสียชีวิตหลังถูกตำรวจศีลธรรมจับกุม ในข้อหาสวมฮิญาบไม่เหมาะสม
.
สื่อหลายสำนักรายงานอ้างผู้อยู่ในเหตุการณ์ยืนยันว่า ตำรวจได้ใช้อาวุธดังกล่าวยิงใส่ประชาชน ขณะเดียวกันรัฐบาลอิหร่านก็ออกมายอมรับในเรื่องนี้ ด้วยการระบุว่า เจ้าหน้าที่ความมั่นคงอิหร่านได้ใช้กำลังเพื่อสกัดการจลาจล โดยรัฐบาลอิหร่านได้ปิดกั้นอินเทอร์เน็ตในพื้นที่ด้วย
.
หน่วยงานจับตาความรุนแรงของอิหร่านระบุว่า ไม่สามารถยืนยันได้ว่า เหตุความรุนแรงครั้งนี้มีผู้เสียชีวิตมากน้อยแค่ไหน แต่มีผู้บาดเจ็บแล้วราว 50 คน
.
อย่างไรก็ตาม วีดีโอที่เผยแพร่ในโลกออนไลน์ ทำให้เห็นภาพชาวอิหร่านจำนวนมาก ทั้งผู้ชายและผู้หญิงเดินทางมาร่วมไว้อาลัยต่อการเสียชีวิตของมาห์ซา อามินี ในเมืองซัคเคซ (Suqqez) เมื่อวานนี้ (26 ต.ค.) ซึ่งถือเป็นวันครบรอบ 40 วันการเสียชีวิต และเป็นวันสุดท้ายของการไว้อาลัยตามธรรมเนียมท้องถิ่น
Despite the authorities pressure on the family to recall the 40 th days ceremony for #Mahsa_Amini , thousands gather on Mahsa’s grave chanting “Kurdistan will be the graveyard of fascists” “women , life, freedom” pic.twitter.com/ifH9h3DHsv
— Jiyar Gol (@jiyargol) October 26, 2022
รายงานระบุว่า ผู้เดินทางไปร่วมไว้อาลัยมีจำนวนมากถึง 10,000 คน ยังไม่รวมพื้นที่อื่นๆ ของประเทศที่มีการรวมตัวเพื่อรำลึกของหญิงรายดังกล่าว จนมีรายงานเจ้าหน้าที่ความมั่นคงอิหร่านเสริมกำลังในหลายจุด รวมทั้งในกรุงเตหะราน เมืองหลวงของประเทศ
.
ในหลายพื้นที่มีประชาชนตะโกนขับไล่รัฐบาล เช่น ตะโกนไล่ให้เผด็จการไปตาย รวมถึงเรียกร้องเสรีภาพและชีวิตปกติให้กับผู้หญิงด้วย
.
สำหรับ ‘มาห์ซา อามินี’ ซึ่งเป็นต้นเหตุของการประท้วงใหญ่ของอิหร่านมากว่า 1 เดือน เป็นหญิงชาวเคิร์ดอายุ 22 ปี ซึ่งเสียชีวิตเมื่อวันที่ 16 ก.ย. ที่ผ่านมา หลังถูกตำรวจศีลธรรมจับกุม เนื่องจากเธอสวมฮิญาบไม่เหมาะสม มีเส้นผมโผล่ออกมา โดยในเวลาต่อมาเธอเสียชีวิตหลังถูกจับกุม ท่ามกลางรายงานตำรวจใช้ความรุนแรงกับเธอ แต่ทางการอิหร่านระบุว่า เธอเสียชีวิตจากภาวะหัวใจล้มเหลว
.
การเสียชีวิตของเธอจุดชนวนการประท้วงใหญ่ เรียกร้องเสรีภาพและขับไล่รัฐบาลอิหร่านชุดปัจจุบัน ขณะที่ทางการอิหร่านก็ตอบโต้กลับด้วยการสลายการชุมนุมรุนแรง จนทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 234 คน ในจำนวนนี้เป็นเด็ก 29 คน และมีผู้ถูกจับกุมจำนวนมาก
.
ที่มา BBC, The Guardian
