หน่วยงานด้านสาธารณสุขของไอร์แลนด์ตัดสินใจเลื่อนการฉีดวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้าออกไป
วันที่ 14 มี.ค. 2564 สำนักข่าวสกาย (Sky) ของอังกฤษรายงานว่า ไอร์แลนด์กลายเป็นชาติล่าสุดที่ประกาศระงับการใช้วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ที่พัฒนาร่วมกันโดย แอสตร้าเซนเนก้า (AstraZeneca) และ มหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด (University of Oxford) เป็นการชั่วคราว จากรายงานที่พบว่ามีผู้ที่ได้รับวัคซีนแล้วเกิดอาการลิ่มเลือดอุดตัน
ดร.โรแนน กลีนน์ รองหัวหน้าด้านการแพทย์ของไอร์แลนด์เปิดเผยว่า การฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้าจะถูกเลื่อนออกไปก่อน นับตั้งแต่เช้าวันอาทิตย์ที่ 14 มีนาคม เป็นต้นไป
แม้ว่าจะยังไม่มีหลักฐานบ่งชี้ว่าอาการป่วยที่เกิดขึ้นมีความเชื่อมโยงกับการฉีดวัคซีน แต่เพื่อเป็นมาตรการป้องกันไว้ก่อน เพื่อรอข้อมูลเพิ่มเติมจากเคสต่างๆ
COVID-19 Vaccines 🇮🇪
(Thursday / 11-03-21)‣ First dose: 426,819 (+17,157)
‣ Second dose: 162,693 (+1,964)
‣ Total: 589,512 (+19,121)‣ Pfizer: 452,927
‣ AZ: 117,507
‣ Moderna: 19,078‣ % pop. with first dose: ~8.6%
‣ % pop. fully vaccinated: ~3.3%— COVID-19 Data Ireland (@COVID19DataIE) March 14, 2021
การระงับใช้งานชั่วคราวครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากที่ไอร์แลนด์ฉีดวัคซีนให้ประชากรไปแล้ว 589,512 โดส ส่วนใหญ่เป็นวัคซีนของไฟเซอร์ 452,927 โดส แอสตร้าเซนเนก้า 117,507 โดส และโมเดอร์นา 19,078 โดส
นับตั้งแต่มีรายงานอาการลิ่มเลือดอุดตันเกิดขึ้น บางประเทศเช่น นอร์เวย์ เดนมาร์ก ไอซ์แลนด์ อิตาลี ออสเตรีย เอสโตเนีย ลัตเวีย ลักเซมเบิร์ก ลิธัวเนีย รวมถึงไทย ตัดสินใจระงับการกระจายวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าเป็นการชั่วคราว ขณะที่อังกฤษ เยอรมนี ออสเตรเลีย และเม็กซิโก ยังคงใช้วัคซีนดังกล่าวในการฉีดให้กับประชากรในประเทศของตน
ส่วนหน่วยงานระดับนานาชาติอย่างองค์การอนามัยโลก (WHO) และองค์การยาแห่งสหภาพยุโรป (EMA) ให้คำแนะนำว่า ยังสามารถใช้วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าได้ต่อไป










