‘ทรัมป์’ เปิดเอกสารลับ 80,000 หน้า ไขคดีลอบสังหาร ปธน.จอห์น เอฟ เคนเนดี

‘ทรัมป์’ เปิดเอกสารลับ 80,000 หน้า ไขคดีลอบสังหาร ปธน.จอห์น เอฟ เคนเนดี

เอกสารลับคดีลอบสังหาร จอห์น เอฟ เคนเนดี หรือ JFK  ประธานาธิบดีคนที่ 35 ของสหรัฐฯ กว่า 80,000 หน้า กำลังจะได้รับการเผยแพร่สู่สาธารณชน หลังถูกเก็บเป็นความลับมานานเกือบ 62 ปีด้วยเหตุผลด้านความมั่นคง

เมื่อวานนี้ (18 มี..) หอจดหมายเหตุแห่งชาติสหรัฐฯ ทยอยนำเอกสารดังกล่าวมาเผยแพร่บนเว็บไซต์ในรูปแบบเอกสารดิจิทัล 11,000 ไฟล์ รวมๆ แล้วมากกว่า 31,000 หน้า

ทั้งหมดเป็นเอกสารที่ถูกระบุว่าผ่านการตรวจสอบความเหมาะสมโดยทีมนักกฎหมายของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯซึ่งใช้เวลาหลายชั่วโมงในการพิจารณาอย่างละเอียด

นับเป็นความเคลื่อนไหวที่ดึงดูดความสนใจของชาวอเมริกันและคนทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ที่คลั่งไคล้ประวัติศาสตร์ และติดตามคดีการลอบสังหาร JFK มาตลอด เพราะไม่มีใครคาดคิดว่ารัฐบาลสหรัฐฯ จะยอมเปิดเผยเอกสารเหล่านี้ออกมา

แต่เมื่อตอนหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีในปีที่แล้ว ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ รับปากว่าจะเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับการลอบสังหาร JFK ที่มีอยู่ทั้งหมดออกมาเพื่อให้คดีนี้มีความกระจ่างมากยิ่งขึ้น

เพราะที่ผ่านมา มีทฤษฎีสมคบคิดมากมายเกี่ยวกับการลอบสังหาร JFK ถูกพูดถึงแพร่กระจายไปทั่วหลายทฤษฎีก็ทำให้มีคำถามและข้อกังขาเกิดขึ้นตามมาอีกเป็นจำนวนมาก

ที่สำคัญคดีนี้ยังถูกมองว่าเป็นคดีลึกลับที่ยังคงไม่คลี่คลายมีปริศนาอีกหลายเรื่องยังหาคำตอบไม่ได้ก็ยิ่งทำให้การเปิดเผยเอกสารที่เกี่ยวข้องกับคดียิ่งได้รับความสนใจมากขึ้นไปอีก

เอกสารที่เพิ่งจะถูกเปิดเผยออกมาเหล่านี้มีเรื่องใหม่อะไรที่น่าสนใจ และทำให้ข้อกังขาเกี่ยวกับคดีลอบสังหาร JFK มีความกระจ่างขึ้นตามที่ประธานาธิบดีทรัมป์อ้างมากน้อยแค่ไหนเรารวบรวมสิ่งที่รู้มาสรุปให้ในโพสต์นี้

 

มือปืนลอบสังหาร JFK คือใคร 

ด้วยความที่คดีลอบสังหาร JFK เป็นคดีที่ได้รับความสนใจจากชาวอเมริกันจำนวนมากทำให้ที่ผ่านมาทางการสหรัฐฯพยายามเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับคดีนี้ให้สาธารณชนได้รับรู้มากที่สุด

โดยมีเอกสารเกี่ยวข้องกับคดีที่ถูกเปิดเผยออกแล้วก่อนหน้านี้หลายแสนหน้าแต่มีบางส่วนที่รัฐบาลบอกว่าต้องเก็บไว้เป็นความลับเพราะเกี่ยวกับเรื่องความมั่นคงของประเทศ

และการที่รัฐบาลไม่ยอมเผยแพร่รายละเอียดเกี่ยวกับคดีออกมาทั้งหมดนี่เอง ทำให้ยังคงเกิดข้อกังขา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่องที่คณะกรรมการสอบสวนคดีลอบสังหาร ประธานาธิบดี จอห์น เอฟ เคนเนดี หรือคณะกรรมการวอร์เรนระบุไว้เมื่อในปี 1964 ว่า มือปืนที่ลอบสังหาร JFK คือ ลี ฮาร์วีย์ ออสวอลด์ อดีตทหารนาวิกโยธินของกองทัพสหรัฐฯ เป็นผู้ก่อเหตุเพียงคนเดียว โดยเขายิงปืนลงมาจากชั้น 6 ของอาคาร Texas School Book Depository แบบยิงรัวๆ ติดกัน 3 นัดเป็นเหตุให้ประธานาธิบดีเสียชีวิต

แต่คำอธิบายนี้กลับถูกตั้งคำถามตามมามากมายไม่ว่าจะเป็นเรื่องของทิศทางการยิงจำนวนกระสุนรวมถึงเรื่องความเป็นไปได้ที่ชายเพียงคนเดียวจะสามารถวางแผนและก่อเหตุลอบสังหารผู้นำสหรัฐฯได้เลยหรือ

ยิ่งไปกว่านั้น หลังถูกจับมาสอบสวนคดีนี้ ได้เพียง 2 วัน ออสวอลด์ ก็ถูกมือปืนที่ชื่อ แจ็ค รูบี ยิงเสียชีวิต ตอนที่กำลังถูกนำตัวออกจากสถานีตำรวจ โดยที่เขายังไม่ได้ให้ข้อมูลอะไรกับพนักงานสอบสวนเลย ยิ่งทำให้เกิดทฤษฎีสมคบคิดขึ้นมาอีกว่า การลอบสังหารประธานาธิบดีเคนเนดี อาจมีองค์กรลับ รัฐบาลต่างชาติ หรือแม้กระทั่ง CIA อยู่เบื้องหลัง

 

เอกสารที่ทรัมป์นำมาเผยแพร่ มีอะไรใหม่

จากรายงานของสื่อต่างประเทศ เอกสารชุดใหม่นี้ ส่วนใหญ่เป็นบันทึกรายละเอียดเกี่ยวกับการสืบสวนคดีลอบสังหาร JFK ที่ถูกระบุว่าเป็นเอกสารชั้นความลับของรัฐบาล

โดยเอกสารฉบับหนึ่งพูดถึง การทำงานของเจ้าหน้าที่สืบสวน ระหว่างรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับ ออสวอลด์ เพื่อสืบหาความเกี่ยวข้องกับคดีนี้ รวมถึงตอนที่ออสวอลด์ใช้ชีวิตอยู่ในสหภาพโซเวียต และติดตามความเคลื่อนไหวของเขาก่อนก่อเหตุลอบสังหาร JFK ที่เมืองดัลลัส รัฐเท็กซัส เมื่อวันที่ 22 .. 1963

และอีกฉบับเป็นบันทึกการสัมภาษณ์ในปี 1964  โดยนักวิจัยจากคณะกรรมการวอร์เรน ที่เป็นคนสอบปากคำ ลี วิกเรน เจ้าหน้าที่ CIA เกี่ยวกับความไม่สอดคล้องกันของข้อมูลที่กระทรวงการต่างประเทศและ CIA ส่งให้คณะกรรมการวอร์เรน เกี่ยวกับเรื่องการแต่งงานระหว่างหญิงชาวโซเวียตกับชายชาวอเมริกัน ซึ่งเชื่อว่าอาจจะมีความเชื่อมโยงกับกรณีที่ออสวอลด์ไปแต่งงานกับ มารินา ออสวอลด์ ที่เป็นหญิงชาวโซเวียต ในช่วงเกิดเหตุการณ์ลอบสังหาร JFK

ขณะเดียวกัน ในเอกสารอีกฉบับที่ลงวันที่ในเดือน ม.. 1962 ได้มีการเปิดเผยรายละเอียดของปฏิบัติการมองกูส’ (Operation Mongoose) หรือที่รู้จักกันในชื่อโครงการคิวบา’ (Cuban Project) ซึ่งเป็นปฏิบัติการลับสุดยอดที่้ JFK สั่งให้ CIA ดำเนินการ โดยมีเป้าหมายในการก่อวินาศกรรมและโค่นล้มรัฐบาลของฟิเดล คาสโตร ผู้นำคิวบา

อย่างไรก็ตามสื่อหลายสำนักที่เปิดดูเอกสารดังกล่าวรายงานตรงกันว่าจากการตรวจสอบเอกสารเบื้องต้นยังไม่พบว่ามีข้อมูลที่ขัดแย้งกับข้อสรุปของคดีที่มีการเปิดเผยออกมาก่อนหน้านี้

ถึงกระนั้น ศาสตราจารย์ เฟรดริก โลเกวอลล์ นักประวัติศาสตร์จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ซึ่งเป็นผู้เขียนหนังสือ JFK: Coming of Age in the American Century 1917-56 ให้ความเห็นว่า แต่ถึงจะไม่ได้มีอะไรใหม่ เอกสารที่ถูกเปิดเผยออกมาเพิ่มเติมนี้ ก็อาจจะมาช่วยเติมเต็มภาพรวมของเหตุการณ์ให้ชัดเจนมากขึ้น

ศาสตราจารย์โลเกวอลล์กล่าวว่าการได้เห็นเอกสารทั้งหมดโดยไม่มีการปิดบังหรือขีดฆ่าข้อความใดๆ นับว่าเป็นเรื่องดี แต่ผมไม่คิดว่าจะมีการเปิดเผยข้อมูลน่าตื่นเต้นใหม่ๆ ที่มาจะเปลี่ยนแปลงความเข้าใจของเราเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้อย่างถอนรากถอนโคนขนาดนั้น

ขณะที่นักประวัติศาสตร์อีกคนหนึ่ง คือ อลิซ แอล. จอร์จ ซึ่งเป็นผู้เขียนหนังสือ “The Assassination of John F. Kennedy” แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการเปิดเผยเอกสารลับของประธานาธิบดีทรัมป์ว่า ที่ความเคลื่อนไหวนี้ได้รับความใจอย่างมาก เป็นเพราะ ความอยากรู้อยากเห็นของชาวอเมริกันเกี่ยวกับคดีลอบสังหาร และมีคำถามเรื่องความโปร่งใสของรัฐบาลทำให้ผู้คนต่างมีความรู้สึกว่าต้องมีหลักฐานสำคัญซ่อนอยู่ในแฟ้มเอกสารเหล่านี้แต่ในความเห็นส่วนตัวอลิซเชื่อว่าบันทึกของรัฐบาลคงไม่สามารถไขข้อข้องใจของประชาชนได้ทั้งหมด

นักประวัติศาสตร์คนนี้กล่าวว่าฉันคิดว่าอาจมีการเปิดเผยเอกสารออกมาเพิ่มอีก แต่ไม่น่าจะมีการเปิดเผยอะไรที่ยิ่งใหญ่ รายงานของคณะกรรมการวอร์เรนทำได้ดีอยู่แล้ว และนั่นก็ทำขึ้นในช่วงที่ผู้เกี่ยวข้องหลักๆ ยังมีชีวิตอยู่ ส่วนการจะมาค้นหาความจริงในตอนนี้ มีแต่จะยิ่งยากเข้าไปใหญ่ เพราะคนที่เกี่ยวข้องส่วนใหญ่เสียชีวิตไปหมดแล้ว

อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ยังคงต้องรอดูต่อไป เพราะตอนนี้เอกสารที่ถูกเปิดเผยออกมายังเป็นแค่ส่วนหนึ่ง มีอีกหลายฉบับที่ยังไม่ได้ถูกนำออกมาเปิดเผย

TODAYWriterTODAY

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง