สายพันธุ์เดลตาสร้างความปั่นป่วนทั่วโลก ผู้เชี่ยวชาญหวั่นประสิทธิภาพวัคซีนจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน โดสเดียวอาจเอาไม่อยู่
วันที่ 26 มิ.ย. 2564 สำนักข่าวรอยเตอร์ (Reuters) รายงานว่า นักระบาดวิทยาในสหรัฐฯ ได้มีการยกประเด็นเรื่องของการนำวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ชนิด mRNA ของ ไฟเซอร์ (Pfizer) หรือ โมเดอร์นา (Moderna) มาฉีดกระตุ้นให้กับชาวอเมริกันที่รับวัคซีนชนิดฉีดเข็มเดียวของ จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (Johnson and Johnson) หลังจากการระบาดของเชื้อกลายพันธุ์ชนิดสายพันธุ์เดลตาเริ่มมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
โดยในตอนนี้ ทางจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน กำลังทดสอบประสิทธิภาพของวัคซีน ว่ามีการตอบสนองด้านภูมิคุ้มกันต่อสายพันธุ์เดลตาได้ดีแค่ไหน แต่ยังไม่มีผลการทดสอบออกมา
ขณะที่สถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดต่อแห่งชาติสหรัฐฯ เปิดเผยว่ากำลังทำการทดสอบเพื่อพิจารณาถึงความจำเป็น ที่จะต้องใช้วัคซีนโมเดอร์นามาฉีดกระตุ้นเพิ่มอีกเข็ม หลังได้รับวัคซีนครบโดสแล้ว โดยคาดว่าจะได้รับข้อมูลภายในเดือนก.ย. นี้
ตามรายงานระบุว่า ผู้เชี่ยวชาญหลายรายในสหรัฐฯ และแคนาดาที่รับวัคซีนจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน เป็นเข็มแรก ตัดสินใจฉีดกระตุ้นโดยใช้วัคซีนชนิด mRNA ไปแล้ว แม้จะยังไม่มีผลงานวิจัยออกมารับรองก็ตาม
อย่างไรก็ตาม หน่วยงานด้านสาธารณสุขของสหรัฐฯ แคนาดา และบางประเทศในยุโรป อนุญาตให้มีการฉีดวัคซีนต่างยี่ห้อกันได้
ผลการศึกษาในสหรัฐฯ ชี้ว่า วัคซีน mRNA ของทั้งไฟเซอร์และโมเดอร์นามีประสิทธิภาพอยู่ที่ราวๆ 95%
ส่วนผลการศึกษาทั่วโลกของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ซึ่งเป็นการทดสอบที่ต้องเผชิญกับเชื้อกลายพันธุ์หลายสายพันธุ์ในหลายประเทศ ชี้ว่า มีประสิทธิภาพในการป้องกันอาการป่วยระดับปานกลางถึงรุนแรงที่ 66%
ดร.ไมเคิล ลิน ศาสตราจารย์ประจำมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดเผยว่า ผู้ที่ฉีดวัคซีนจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน นั้นได้รับการป้องกันน้อยกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย ตามหลักแล้ว การฉีดกระตุ้นซึ่งเป็นหนทางที่ง่ายดาย เพื่อป้องกันผลลัพธ์ที่เลวร้าย คือสิ่งที่ควรทำอย่างไม่ต้องคิดเลย
ปัจจุบัน ทางศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคแห่งชาติสหรัฐฯ (CDC) ยังไม่แนะนำให้ฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 (หรือเข็ม 2 ในกรณีของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน) เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน และยังไม่มีแผนที่จะนำเรื่องนี้เข้าที่ประชุมในเร็วๆ นี้










