ผู้นำอินโดนีเซียเรียกร้องออกสื่อ ให้ประเทศมหาอำนาจหยุดกักตุนวัคซีน ชี้เป็นเรื่องไร้ประโยชน์หากทั่วโลกไม่ได้รับอย่างเท่าเทียม
วันที่ 7 เม.ย. 2564 สำนักข่าวบลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานการให้สัมภาษณ์ของประธานาธิบดี โจโค วิโดโด ของอินโดนีเซีย ที่ออกมาเรียกร้องให้แต่ละชาติงดเว้นการเก็บวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ไว้ใช้เอง จนส่งผลต่อการกระจายวัคซีนไปทั่วโลก ซึ่งจะทำให้วิกฤตครั้งนี้ยืดยาวออกไป
ผู้นำอินโดนีเซียที่มีชื่อเล่นว่า โจโควี ให้สัมภาษณ์ว่า เราต้องเปิดให้ทุกชาติเข้าถึงวัคซีน ไม่ว่าจะเป็นประเทศยากจน ประเทศกำลังพัฒนา และประเทศพัฒนาแล้ว ต้องได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน มิฉะนั้น การระบาดของโรคครั้งนี้จะไม่จบลง การกักตุนวัคซีนไว้กับประเทศใดประเทศหนึ่งเป็นเรื่องไร้ประโยชน์ เพราะไวรัสจะยังคงอยู่ และจะยังมีผู้ติดเชื้อต่อไป
ปัจจุบัน มีการกระจายวัคซีนไปแล้วเกือบ 700 ล้านโดสทั่วโลก แต่ส่วนใหญ่ตกไปอยู่ในมือของชาติร่ำรวยและชาติที่เป็นผู้ผลิตวัคซีน
มีรายงานว่า ออสเตรเลียกล่าวหาสหภาพยุโรปว่าปิดกั้นการขนส่งวัคซีนที่จะมายังออสเตรเลียถึง 3.1 ล้านโดส ขณะที่สหรัฐฯ และสหราชอาณาจักรก็มีการสั่งจองวัคซีนเกินกว่าที่จำนวนประชากรทั้งหมดต้องการ
ทางด้านโครงการโคแวกซ์ (COVAX) ขององค์การอนามัยโลก ที่มีจุดประสงค์เพื่อกระจายวัคซีนอย่างทั่วถึง ก็เกิดความล่าช้าขึ้น จากการที่ผู้ผลิตอย่างอินเดียระงับการส่งออกวัคซีนเพื่อนำไปใช้ในประเทศ
สำหรับอินโดนีเซียที่ตอนนี้เร่งกระจายวัคซีนไปแล้วราว 13.5 ล้านโดส กำลังเจอกับปัญหาในขั้นต่อไป หลังได้รับแจ้งว่าจะได้รับวัคซีนเพียง 20 ล้านโดส จากที่คาดว่าจะได้รับ 30 ล้านโดสในเดือนมี.ค.-เม.ย.
ประธานาธิบดีโจโควียืนยันว่าอินโดนีเซียไม่มีปัญหาในกระบวนการฉีดวัคซีนให้ประชากร จากการที่เคยฉีดวัคซีนมากที่สุดถึง 780,000 โดสต่อวันในเดือนมี.ค. ก่อนจะลดลงมาเหลือ 500,000 โดสต่อวัน แต่ปัญหาในตอนนี้คือกระบวนการจัดหาวัคซีน ที่กระทบต่อแผนงานของรัฐบาลในการรับมือกับเชื้อไวรัส










