ไข้หวัดใหญ่ อันตรายถึงชีวิต! 3 วันแรก ไข้สูงมาก เจ็บคออย่างรุนแรง ปวดหัว ฉีดวัคซีนแล้ว ก็ยังเป็นได้

ไข้หวัดใหญ่ อันตรายถึงชีวิต! 3 วันแรก ไข้สูงมาก เจ็บคออย่างรุนแรง ปวดหัว ฉีดวัคซีนแล้ว ก็ยังเป็นได้

HEALTH & LIFE

เมื่ออุณหภูมิเริ่มแปรปรวน ไม่ว่าจะเป็นช่วงฤดูฝนหรือฤดูหนาว นั่นคือสัญญาณเตือนภัยอันตรายจากฤดูไข้หวัดใหญ่ที่กำลังจะกลับมาระบาดหนักอีกครั้ง และครั้งนี้อาจไม่จบลงแค่การเป็นหวัดธรรมดา

โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยความเร่งรีบและผู้คนแออัด ทั้งบนรถไฟฟ้า ในออฟฟิศ หรือตามสถานที่จัดงานต่าง ๆ เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สามารถแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ  การเตรียมพร้อมและป้องกันตัวเองจากเชื้อไวรัสที่ติดต่อกันได้ง่าย จึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งที่เราไม่ควรมองข้าม

ซึ่งจากสถิติจำนวนผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตจากไข้หวัดใหญ่ปีนี้* (ณ วันที่ 27 กันยายน 2568) สูงขึ้นกว่าปีก่อนมาก โดยประเทศไทยพบผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่แล้ว 626,723 ราย และมีผู้เสียชีวิต 65 ราย  พบเป็นเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ A จำนวน 54 ราย สายพันธุ์ B จำนวน 9 ราย และไม่ระบุสายพันธุ์ จำนวน 2 ราย  สถานการณ์นี้สูงกว่าทั้งปี 2567 และ 5 ปีย้อนหลัง

[เช็กอาการ ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A หรือ ไข้หวัดธรรมดา]

ปัจจุบันการระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ยังคงสูงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A ที่มีความสามารถในการกลายพันธุ์และก่อให้เกิดอาการรุนแรงกว่าไข้หวัดธรรมดามาก

ซึ่งอาการไข้หวัดใหญ่ (Influenza) จะต่างจากไข้หวัดธรรมดา คือ

  • มีอาการไข้สูงเฉียบพลัน 38.5-40 องศา เป็นระยะเวลา 3-4 วัน หนาวสั่น
  • ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อและปวดกระดูกอย่างรุนแรง อ่อนเพลียมาก
  • เจ็บคอ ระคายคออย่างรุนแรง มักเกิดในระยะหลัง
  • เกิดภาวะแทรกซ้อน เสี่ยงปอดอักเสบ หัวใจวาย และเสียชีวิต โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยงก่อให้เกิดภาวะเจ็บป่วยที่รุนแรงและอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายถึงชีวิตได้

มาตรการป้องกันตัวเองที่เราคุ้นเคย เช่น การล้างมือบ่อย ๆ การหลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้า ใช้สเปรย์แอลกอฮอล์และเจลแอลกอฮอล์ทำความสะอาดมือและสิ่งของ รวมถึงสวมหน้ากากอนามัยในที่สาธารณะยังคงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง

แต่ในยุคที่เชื้อโรคอยู่รอบตัวเรา ถ้าภูมิคุ้มกันร่างกายอ่อนแอ ก็เหมือนเปิดประตูต้อนรับเชื้อไวรัสให้เข้ามาโจมตี จนอาจทำให้เราเป็นไข้หวัดใหญ่  ไม่สบาย เจ็บคออย่างรุนแรงได้ และถ้าเริ่มมีอาการระคายคอ ควรรักษาอาการให้หายขาดอย่างเร่งด่วน เพื่อคลายความกังวลทั้งของตัวเองและคนรอบข้าง ก่อนที่อาการจะลุกลามจนควบคุมไม่ได้ ซึ่งการมองหาตัวช่วยที่มีประสิทธิภาพ เพื่อบรรเทาอาการเจ็บคออย่างสเปรย์เยอรมันคาโมไมล์ เป็นทางเลือกที่ดี ที่ทุกคนสามารถพกติดตัวได้ตลอดเวลา

[คุณสมบัติเด่นของดอกคาโมไมล์ ช่วยบรรเทาอาการอักเสบในช่องปากและลำคอ]

ดอกคาโมไมล์ มีคุณสมบัติเด่นที่ได้รับการยอมรับคือการช่วยบรรเทาอาการอักเสบในช่องปากและลำคอ เนื่องจากมีสารสำคัญที่มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ซึ่งมีการนำสารสกัดจากคาโมไมล์ไปใช้ในผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เช่น สเปรย์พ่นคอ น้ำยาบ้วนปาก หรือชาสำหรับกลั้วคอ เพื่อช่วยในเรื่องลดการอักเสบของเยื่อบุในช่องปากและลำคอ บรรเทาอาการเจ็บคอ ระคายคอ ช่วยสมานแผลในปาก เช่น แผลร้อนใน หรือเหงือกอักเสบ

คาโมไมล์เยอรมันเป็นที่ยอมรับในการแพทย์สมุนไพรทั่วโลก เนื่องจากมีคุณสมบัติหลักที่ตรงกับความต้องการในการรักษาแผลร้อนในที่เกิดขึ้นในช่องปาก อันเนื่องมาจากความร้อนในร่างกาย การบาดเจ็บ หรือสาเหตุอื่น ๆ งานวิจัยและข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ได้ชี้ให้เห็นถึงประโยชน์ของ คาโมไมล์เยอรมัน ในการบรรเทาอาการและเร่งการหายของแผล

 [เจ็บคอจากไวรัส พ่น ‘สเปรย์เยอรมันคาโมไมล์’ ที่แพทย์เลือกใช้]

เมื่อต้องเผชิญกับอาการเจ็บคอจากไข้หวัดใหญ่  การเลือกสเปรย์พ่นคอเพื่อบรรเทาอาการจึงไม่ใช่เรื่องที่มองข้ามได้ ไม่ใช่ทุกยี่ห้อที่สามารถใช้ได้ผลเหมือนกัน  แต่ต้องเลือกสเปรย์พ่นคอที่มีประสิทธิภาพสูงสุด นั่นคือการเลือกสเปรย์ที่ได้รับการยอมรับและจดทะเบียนเป็น ‘ยา’ ซึ่งมีฤทธิ์ในการช่วยลดการอักเสบและฆ่าเชื้อได้อย่างแท้จริง

ซึ่งสเปรย์เยอรมันคาโมไมล์ เป็นทางเลือกที่น่าเชื่อถือ เพราะใช้สารสกัดหลักจากดอกคาโมไมล์ (German Chamomile) มีคุณสมบัติเด่นในการต้านการอักเสบ และต้านเชื้อจุลินทรีย์ได้อย่างดีเยี่ยม การพ่นสเปรย์ในช่องปากและลำคอจึงเป็นการสร้างปราการด่านแรกในการป้องกันไม่ให้เชื้อไวรัสและแบคทีเรียเข้าสู่ร่างกายได้ง่ายขึ้น และยังช่วยบรรเทาอาการอักเสบในช่องปากและลำคออีกด้วย นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมแพทย์และโรงพยาบาลในประเทศต่าง ๆ มักให้ความไว้วางใจ                และจ่ายสเปรย์เยอรมันคาโมไมล์ห้กับคนไข้

ความพิเศษคือ สเปรย์เยอรมันคาโมไมล์ตัวนี้ มีส่วนผสมน้ำมันหอมระเหยอีก 7 ชนิด ซึ่งมีคุณสมบัติบรรเทาอาการไอ สมานแผล ฆ่าเชื้อได้อีกด้วย ดังนั้น สำหรับใครที่ประสบปัญหาแผลร้อนในหลายจุด หรือเป็นแผลลึกที่ยากต่อการทายา                การใช้สเปรย์เยอรมันคาโมไมล์ ที่สามารถพ่นได้ตรงจุด ถือว่าสะดวกสบายกว่ามาก สามารถใช้ได้แม้ในเวลากลางวันโดยไม่ต้องกังวลว่าจะหลุดง่าย และที่สำคัญไม่มีน้ำตาล จึงสามารถใช้ก่อนนอนได้โดยไม่ทำให้ฟันผุ

อย่างไรก็ตาม แผลร้อนในทั่วไปมักจะหายเองได้ภายใน 1-2 สัปดาห์ การใช้คาโมไมล์เป็นการช่วยบรรเทาอาการและเร่งกระบวนการให้สั้นลง แต่หากแผลมีขนาดใหญ่มาก เจ็บปวดรุนแรงผิดปกติ หรือไม่หายภายในสองสัปดาห์ ควรปรึกษาแพทย์หรือทันตแพทย์เพื่อวินิจฉัยสาเหตุที่แน่ชัด

การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพ ควรคำนึงถึงคุณภาพและความปลอดภัยเป็นอันดับแรก ซึ่งสเปรย์เยอรมันคาโมไมล์ ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ทุกคนสามารถพกติดตัวได้ตลอดเวลา เพราะไม่เพียงแต่ช่วยบรรเทาอาการอักเสบในช่องปากและลำคอ ยังดูแลปัญหาช่องปากอย่างแผลร้อนในได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย

*อ้างอิงข้อมูลจาก https://cedc.ddc.moph.go.th/disease/download-influenza-situation

TODAYWriterTODAY

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง