ใช้เวลาปัสสาวะในห้องน้ำมากกว่าปกติหรือไม่? บ่อยแค่ไหน ที่ต้องลุกเข้าห้องน้ำกลางดึก? หากคำตอบคือ ‘ใช่’ และคุณเป็นผู้ชายวัย 40 ปีขึ้นไป อย่ามองข้ามอาการเหล่านี้ เพราะมันอาจเป็นสัญญาณเตือนของ โรคต่อมลูกหมากโต
แม้ในปัจจุบันการรักษาทางการแพทย์ จะมีทั้งการใช้ยา และการผ่าตัด แต่ก็มีข้อจำกัดด้านผลข้างเคียง และค่าใช้จ่าย ทั้งไม่สามารถหยุดยั้งความเสื่อมของเซลล์ต่อมลูกหมากในระยะยาวได้อย่างสมบูรณ์ ด้วยเหตุนี้ ทีมนักวิจัยจากคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จึงพยายามคิดค้นทางเลือกใหม่ในการรักษา ซึ่งพัฒนามาจากสมุนไพรไทย 2 ชนิด คือ พืชในสกุลพลับพลึง และ กระชายดำ ที่สามารถยับยั้งกลไกการเกิดโรคต่อมลูกหมากโตได้อย่างตรงจุด
ซึ่งงานวิจัยและคิดค้นนวัตกรรมทั้ง 2 ชิ้นดังกล่าว คว้ารางวัลเหรียญทองระดับนานาชาติ สะท้อนถึงศักยภาพของภูมิปัญญาไทยที่ผสานเข้ากับเทคโนโลยีทางวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ และพร้อมต่อยอดสู่ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพเพศชายอย่างยั่งยืน
[ ความชุกของ ‘โรคต่อมลูกหมากโต’ เพิ่มขึ้นตามอายุ ]
ต่อมลูกหมาก (Prostate gland) เป็นอวัยวะหนึ่งในระบบสืบพันธุ์เพศชาย มีลักษณะคล้ายลูกเกาลัด หรือผลวอลนัท อยู่บริเวณใต้กระเพาะปัสสาวะ และล้อมรอบท่อปัสสาวะส่วนต้น หน้าที่หลักของต่อมลูกหมาก คือ การผลิตของเหลวที่เป็นส่วนประกอบของน้ำอสุจิ (semen) ซึ่งมีหน้าที่ในการหล่อเลี้ยงและลำเลียงตัวอสุจิ
ศาสตราจารย์ เภสัชกรหญิง ร.ต.อ.หญิง ดร.สุชาดา สุขหร่อง ภาควิชาเภสัชเวทและเภสัชพฤกษศาสตร์ คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้ข้อมูลว่า โรคต่อมลูกหมากโต หรือที่เรียกในทางการแพทย์ว่า Benign Prostatic Hyperplasia (BPH) เป็นภาวะที่เซลล์เนื้อเยื่อต่อมลูกหมากมีการเจริญเติบโตมากผิดปกติ ทั้งขยายตัวมากขึ้นและเพิ่มจำนวนมากขึ้น ทำให้ต่อมลูกหมากมีขนาดใหญ่ โดยในบางรายอาจมีขนาดใหญ่เท่าลูกเทนนิส หรือผลส้ม
อ.สุชาดา อธิบายว่า โรคต่อมลูกหมากโต ไม่ใช่เนื้อร้ายหรือมะเร็ง แต่ด้วยความที่ขนาดต่อมลูกหมากใหญ่ขึ้น จึงไปกดท่อปัสสาวะ จนทำให้เกิดอาการผิดปกติของระบบทางเดินปัสสาวะได้ อาการมักเริ่มจากปัสสาวะบ่อย โดยเฉพาะเวลากลางคืน รู้สึกปวดปัสสาวะอย่างเฉียบพลัน กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ ปัสสาวะลำบากหรือสะดุด

โดยอาการเหล่านี้ หากไม่ได้รับการรักษา อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อน เช่น การติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ การเกิดนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ หรือในบางรายอาจพัฒนาไปสู่ภาวะไตเสื่อมในระยะยาว
“โรคต่อมลูกหมากโต เป็นปัญหาสุขภาพที่พบได้บ่อย ในผู้ชายวัยกลางคนและผู้สูงอายุ ความชุกของโรคจะเพิ่มขึ้นตามอายุ โดยมากกว่า 80% ของผู้ชายอายุ 80 ปีขึ้นไปจะมีภาวะนี้”
นอกจากอายุแล้ว ยังมีปัจจัยเสี่ยงอื่นที่เกี่ยวข้อง เช่น ความไม่สมดุลของฮอร์โมนเพศชาย การอักเสบเรื้อรัง โรคเบาหวาน และภาวะอ้วน ซึ่งล้วนมีส่วนกระตุ้นให้ต่อมลูกหมากโตกว่าปกติทั้งสิ้น
[ ต่อมลูกหมากโต รักษาอย่างไร? ]
สำหรับแนวทางการรักษาในปัจจุบัน ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการ โดยสามารถแบ่งออกเป็น 2 แนวทางหลัก ได้แก่ การรักษาด้วยยา ได้แก่ ยากลุ่ม 5-alpha reductase inhibitors เช่น finasteride ซึ่งจะช่วยลดขนาดของต่อมลูกหมากให้เล็กลง และยากลุ่ม alpha-blockers เช่น tamsulosin ที่จะช่วยให้กล้ามเนื้อบริเวณคอกระเพาะปัสสาวะคลายตัว ทำให้ปัสสาวะได้สะดวกมากขึ้น
การรักษาด้วยหัตถการ หรือการผ่าตัด มักใช้ในกรณีที่อาการรุนแรง หรือในรายที่ไม่ตอบสนองต่อยา และแม้การรักษาจะสามารถบรรเทาอาการให้ดีขึ้น แต่โรคต่อมลูกหมากโตถือเป็นภาวะเรื้อรังที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดแบบถาวรได้ และมีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำได้อีกในระยะยาว
“การใช้ยาในการรักษาโรคต่อมลูกหมากโตอาจมีผลข้างเคียงทำให้หย่อนสมรรถภาพทางเพศได้ จึงเป็นที่มาของการค้นพบสมุนไพรที่สามารถช่วยลดความเสี่ยงการเกิดอาการต่อมลูกหมากโตโดยไม่กระทบต่อการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ”
อ.สุชาดา กล่าวถึงจุดเริ่มต้นของผลงานการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมในการรักษาโรคต่อมลูกหมากโตด้วยสมุนไพร 2 เรื่อง ได้แก่
- สัดส่วนทองคำของสารทรงฤทธิ์จากพืชสกุลพลับพลึง ที่ยับยั้งการอักเสบของโรคต่อมลูกหมากโต
- สารสกัดเมทอกซีฟลาโวนเข้มข้น จากกระชายดำที่มีกลไกยับยั้งการเกิดโรคต่อมลูกหมากโต
ผลงานวิจัยและนวัตกรรม ซึ่งเกิดจากการผสานภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย เข้ากับเทคโนโลยีทางวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ อ.สุชาดา อธิบายเอาไว้
“นวัตกรรมนี้เริ่มต้นจากความพยายามในการค้นหาสารออกฤทธิ์ที่มีประสิทธิภาพในการรักษาโรคต่อมลูกหมากโต โดยเน้นไปที่กลไกการอักเสบ ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญของการเกิดโรค แต่ยังไม่มียารักษาที่ออกฤทธิ์ผ่านกลไกนี้อย่างชัดเจน”
ในที่สุด ทีมวิจัยค้นพบสารออกฤทธิ์ดังกล่าวจากพืชไทย โดยอ้างอิงจาก ภูมิปัญญาไทยที่กล่าวถึง ‘ฤทธิ์ของพืชในสกุลพลับพลึง’ เช่น Crinum latifolium ที่มีรายงานการใช้ เพื่อช่วยบรรเทาอาการทางระบบปัสสาวะในเพศชาย
“จากการศึกษาของทีมวิจัย พบสารสำคัญจากพืชสกุลนี้ ได้แก่ lycorine และ 6α-hydroxybuphanidrine ในอัตราส่วน 1:1 โดยน้ำหนัก จะออกฤทธิ์เสริมกันแบบ multi-targeted mechanism ช่วยยับยั้งกระบวนการอักเสบ และยับยั้งการเพิ่มจำนวนของเซลล์ต่อมลูกหมาก จึงมีศักยภาพสูงในการพัฒนาเป็นสารออกฤทธิ์ทางเลือก สำหรับการจัดการกับโรคต่อมลูกหมากโต และมีศักยภาพในการพัฒนาต่อยอดทางยาในอนาคตได้” อ.สุชาดา กล่าว
[ ‘สัดส่วนทองคำ’ ของสารทรงฤทธิ์จากพืชสกุลพลับพลึง ]
อ.สุชาดา อธิบายความหมายของคำว่า ‘สัดส่วนทองคำ’ (Golden Ratio) ว่าหมายถึง อัตราส่วนที่เหมาะสมที่สุดของสารทั้งสองชนิด ที่ให้ผลเสริมฤทธิ์สูงสุด โดยผ่านการทดสอบในเซลล์สโตรมาของต่อมลูกหมาก
นวัตกรรมนี้จึงไม่ใช่เพียงการนำสมุนไพรมาใช้ตามภูมิปัญญาเท่านั้น แต่ยังอาศัยหลักการทางวิทยาศาสตร์ เพื่อกำหนดสัดส่วนที่มีประสิทธิภาพสูง พร้อมทั้งควบคุมปริมาณสารสำคัญให้สม่ำเสมอ แสดงให้เห็นถึงทางเลือกใหม่ของการพัฒนายารักษาโรคต่อมลูกหมากโตจากการออกฤทธิ์ที่มุ่งเป้าไปที่การยับยั้งผ่านกลไกการอักเสบ จึงแตกต่างจากยารักษาปัจจุบัน ที่เน้นเพียงการยับยั้งผ่านกลไกของฮอร์โมนเพศชาย
สำหรับ สารสกัดเมทอกซีฟลาโวนเข้มข้นจากกระชายดำ ที่มีกลไกยับยั้งการเกิดโรคต่อมลูกหมากโต เกิดขึ้นจากความมุ่งมั่น ของทีมวิจัยนำโดย รองศาสตราจารย์ เภสัชกรหญิง ร.ท.หญิง ดร.ภัสราภา โตวิวัฒน์ ภาควิชาเภสัชวิทยาและสรีรวิทยา คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในการต่อยอดองค์ความรู้ด้านสมุนไพรไทยให้ก้าวสู่ระดับสากล

Inflammation of the prostate, premature ejaculation, erection problems, bladder. Man health care and prostate senior man health issue well being concept
อ.ภัสราภา เปิดเผยว่า การเลือกใช้กระชายดำ (Kaempferia parviflora) เป็นวัตถุดิบหลักมิใช่เรื่องบังเอิญ สมุนไพรไทยชนิดนี้อุดมไปด้วยสารในกลุ่มเมทอกซีฟลาโวน (methoxyflavones) ที่มีฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ 5α-reductase ซึ่งทำหน้าที่เปลี่ยนเทสโทสเทอโรนไปเป็น DHT (Dihydrotestosterone) ตัวกระตุ้นให้ต่อมลูกหมากขยายตัว
“สารสกัดเมทอกซีฟลาโวนเข้มข้นจากกระชายดำมีคุณสมบัติทางชีวภาพที่โดดเด่น ได้แก่ ฤทธิ์ต้านการอักเสบ และฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ 5α-reductase นอกจากนี้ยังมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดความเสียหายของเซลล์ และมีส่วนช่วยส่งเสริมการไหลเวียนเลือด ซึ่งล้วนมีประโยชน์ต่อสุขภาพของต่อมลูกหมากและระบบสืบพันธุ์โดยรวม”
อ.ภัสราภา อธิบายถึงกระบวนการสกัดสารเมทอกซีฟลาโวนที่พัฒนาขึ้นใหม่และจดอนุสิทธิบัตรว่า กรรมวิธีนี้ทำให้ได้ปริมาณ 5,7-ไดเมทอกซีฟลาโวนในสารสกัดสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญกว่ากรรมวิธีตามแบบแผนมากกว่าร้อยละ 11.95 และได้สารสกัดเมทอกซีฟลาโวนที่มีความเข้มข้นสูงกว่า 12% โดยมวล ด้วยการใช้ตัวทำละลายที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ได้สารสกัดที่มีประสิทธิภาพสูงและปลอดภัยต่อผู้บริโภค
[ ประสิทธิภาพ ‘สารสกัดกระชายดำ’ ที่เหนือกว่าสมุนไพรอื่น ]
เมื่อเปรียบเทียบกับสารสกัดกระชายดำทั่วไป สารสกัดที่ผ่านการเพิ่มความเข้มข้นนี้แสดงฤทธิ์ในการยับยั้งการเจริญของเซลล์ได้ดีกว่าถึง 10 เท่า และเมื่อนำมาเปรียบเทียบกับสมุนไพรชนิดอื่นที่มีการศึกษาในด้านการยับยั้งต่อมลูกหมากโต เช่น Saw palmetto (ปาล์มเลื้อย), Pygeum africanum (พืชที่พบในแอฟริกา) หรือตำรับสมุนไพรจีน พบว่าสารเมทอกซีฟลาโวนจากกระชายดำมีจุดเด่นเฉพาะในด้านกลไกการออกฤทธิ์แบบหลายเป้าหมาย นอกจากจะยับยั้งเอนไซม์ 5α-reductase ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักในการรักษาต่อมลูกหมากโตเหมือนกับยา finasteride แล้วสารเมทอกซีฟลาโวนยังสามารถยับยั้งการเพิ่มจำนวนของเซลล์ผ่านกลไกของ TGF-β ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“ที่สำคัญคือกระชายดำยังมีฤทธิ์ช่วยเพิ่มสมรรถภาพทางเพศ และส่งเสริมการไหลเวียนโลหิต ซึ่งถือเป็นข้อได้เปรียบเหนือยาบางชนิด ที่อาจส่งผลข้างเคียงต่อสมรรถภาพทางเพศในผู้ชาย”
อ.ภัสราภา กล่าวเพิ่มเติมว่า กระชายดำมีข้อได้เปรียบด้านความปลอดภัย การยอมรับในภูมิปัญญาพื้นบ้าน และมีฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาหลากหลาย ซึ่งตอบโจทย์การดูแลสุขภาพองค์รวมของผู้ชายวัยกลางคนและผู้สูงอายุได้เป็นอย่างดี
[ งานวิจัยสมุนไพรยกระดับเศรษฐกิจเกษตรกรไทย ]
การพัฒนานวัตกรรมจากกระชายดำ มีส่วนช่วยเกษตรกรไทยอย่างเป็นรูปธรรม ตามความเห็นของ อ.ภัสราภา
“กระชายดำเป็นพืชสมุนไพรเศรษฐกิจ ที่ปลูกได้ดีในหลายพื้นที่ของประเทศไทย เมื่อมีการพัฒนางานวิจัยที่ยกระดับกระชายดำ จากพืชพื้นบ้านไปสู่นวัตกรรมด้านสุขภาพ ที่มีศักยภาพในระดับสากล ความต้องการวัตถุดิบคุณภาพสูงจึงเพิ่มขึ้น ซึ่งช่วยสร้างรายได้ที่มั่นคงให้เกษตรกร ”
นอกจากนี้ อ.ภัสราภา ยังมองว่า นี่เป็นแรงผลักดันให้เกิดการจัดระบบการปลูก การแปรรูป และการควบคุมคุณภาพตามมาตรฐาน GMP ช่วยเพิ่มมูลค่าให้กระชายดำจากเดิมหลายเท่า รวมทั้งยังเปิดโอกาสให้เกษตรกรเข้าถึงตลาดที่มีศักยภาพสูงในอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและสมุนไพรทางเลือกในระยะยาวได้
งานวิจัยทั้ง 2 ผลงานได้รับการสนับสนุนทุนจากกองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ววน.) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนากำลังคน และทุนด้านการพัฒนาสถาบันอุดมศึกษา การวิจัยและการสร้างนวัตกรรม (บพค.) ผลงานนวัตกรรมทั้งสองได้รับการยอมรับในเวทีนานาชาติ โดยคว้ารางวัลเหรียญทองจาก “The 8th China (Shanghai) International Invention & Innovation Expo 2025″ ณ นครเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน และได้รับรางวัล NRCT SPECIAL AWARD จากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.)

สะท้อนถึงศักยภาพของนวัตกรรมทั้งในด้านวิทยาศาสตร์ กลไกการออกฤทธิ์ที่ชัดเจน และความเป็นไปได้ในการพัฒนาเชิงอุตสาหกรรม นอกจากนี้ทั้งสองนวัตกรรมยังได้รับความสนใจจากนักลงทุนและนักวิจัยจากยุโรปและเอเชีย โดยเฉพาะด้านความปลอดภัย และมีศักยภาพในการพัฒนาต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์สุขภาพได้จริงในตลาดโลก วิสัยทัศน์พัฒนางานวิจัยสมุนไพรไทยสู่อนาคต
อ.ภัสราภา เปิดเผยว่า ทีมวิจัยมีแผนพัฒนาต้นแบบผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร หรือยาสมุนไพรที่ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคต่อมลูกหมากโต โดยจะมีการทดสอบความปลอดภัย และประสิทธิภาพเพิ่มเติมทั้งในระดับสัตว์ทดลอ งและการศึกษาทางคลินิก เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการขึ้นทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)
นอกจากนี้ ในระยะยาว ทีมวิจัยยังมีแผนเชิงกลยุทธ์ในการขยายผลนวัตกรรมนี้ไปสู่ระดับอุตสาหกรรม โดยมองหาความร่วมมือกับภาคเอกชนในการพัฒนาสู่ผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์ที่สามารถนำออกสู่ตลาดได้จริงทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนสมุนไพรไทยสู่การยอมรับในระดับสากล โดยเฉพาะในกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพ สำหรับผู้ชายที่ยังมีช่องว่างทางการตลาดอยู่มากในระดับโลก
ความสำเร็จจากสองนวัตกรรมสมุนไพรไทยของทีมนักวิจัยจุฬาฯ นี้ ไม่เพียงแต่เป็นความภาคภูมิใจของเภสัชกรไทย แต่ยังเป็นจุดเริ่มต้นของการยกระดับภูมิปัญญาไทยสู่เวทีโลกอย่างแท้จริง










