เพิ่งผ่านช่วงของการประกาศผลประกอบการในไตรมาส 1 ปี 2568 ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ไปมาดๆ โดยในไตรมาสนี้กวาดกำไรไปถึง 68,396 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 6%
โดย ‘ธนาคารกสิกรไทย’ เป็นธนาคารที่กำไรเติบโตมากที่สุดในกลุ่ม มีกำไรอยู่ที่ 13,791 ล้านบาท และเป็นหนึ่งธนาคารที่มีผลประกอบการเติบโตดีอย่างต่อเนื่องในทุกๆ ไตรมาส
TODAY Bizview มีโอกาสได้พูดคุยกับ ‘พิพิธ เอนกนิธิ’ ผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ถึงแนวทางการดำเนินธุรกิจในระยะถัดไปท่ามกลางนโยบายของสหรัฐฯ ที่อาจทำให้หลายๆ อย่างเกิดการเปลี่ยนแปลง
โดย ‘พิพิธ’ เล่าให้ฟังในมุมของธุรกิจธนาคารว่า จากความไม่แน่นอนที่เกิดจากนโยบายภาษีของสหรัฐฯ ทำให้ธนาคารต้องใช้ความระมัดระวังในการทำธุรกิจมากขึ้น
เพราะท่ามกลางสงครามการค้าของทรัมป์ทำให้เกิด Uncertainty หรือความไม่แน่นอนมากขึ้น ซึ่งล่าสุดเริ่มเห็นหลายประเทศออกมาตอบโต้แล้วด้วย
จึงมองว่าสถานการณ์ครั้งนี้คาดการณ์ยากมาก ไม่รู้เลยว่าจุดจบเป็นอย่างไร ระเบิดจะลงที่ใครและมองว่าสงครามครั้งนี้ยังไม่จบ
โดยสงครามอาจจะไม่ได้หยุดที่สงครามการค้าจากการขึ้นกำแพงภาษีของทรัมป์ แต่จะเริ่มพัฒนาการไปสู่สงครามเทคโนโลยี (Tech war) และอาจกำลังลามมาสู่ Financial War ที่จะส่งผลกระทบต่อโลกอย่างมหาศาล
ในมุมของธนาคารกสิกรไทย จะใช้กลยุทธ์ wait & see ท่ามกลางความไม่แน่นอนทั้งในด้านการลงทุน การปล่อยสินเชื่อ โดยจะหันมาให้คำปรึกษาและช่วยลูกค้าให้มากขึ้น เพื่อลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในระยะข้างหน้า
ดังนั้น ธนาคารเองก็ต้องระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น และมาเน้นในการบริหารความเสี่ยงอย่างรอบคอบแทน ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับธนาคารทั้งระบบ
ในการระมัดระวังการปล่อยสินเชื่อนั้นก็เป็นสิ่งที่ธนาคารทำมาอย่างต่อเนื่องในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาอยู่แล้ว ซึ่งก็ส่งผลให้สินเชื่อโดยรวมของธนาคารพาณิชย์ในไตรมาส 1 ที่ผ่านมาอาจไม่ได้ดีนักหรืออยู่ในภาพของการชะลอตัวลงต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม แม้ธนาคารกสิกรไทยจะอยู่ในโหมด wait & see ที่อาจทำให้การปล่อยสินเชื่อลดลง แต่ปัจจุบันก็ยังไม่มีการปรับเป้าหมายทางการเงินลดลงแต่อย่างใด ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ แม้ล่าสุด GDP ของไทยปีนี้จะถูกปรับลดลงแล้วก็ตาม
และถึงแม้ว่าในมุมของสินเชื่อปีนี้อาจจะพลาดเป้าหมาย แต่ธนาคารกสิกรไทยก็ยังมีรายได้ส่วนอื่นๆ ที่คาดว่าจะทำให้ผลการดำเนินงานของแบงก์ยังสามารถเติบโตต่อเนื่องได้ ทั้งรายค่าธรรมเนียม รายได้จากตลาดทุน จากธุรกิจประกัน และด้านการชำระเงินอื่นๆ เป็นต้น










