รู้จัก ‘อียิปต์’ ในมุมเศรษฐกิจ รัฐบาลกู้ไม่หยุด มีหนี้สะบัด เสี่ยงล้มละลาย แต่นายทุนใหญ่อุ้ม

รู้จัก ‘อียิปต์’ ในมุมเศรษฐกิจ รัฐบาลกู้ไม่หยุด มีหนี้สะบัด เสี่ยงล้มละลาย แต่นายทุนใหญ่อุ้ม

การเงิน

‘อียิปต์’ ประเทศที่มีอารยธรรมเก่าแก่ มีเรื่องราวประวัติศาสตร์นานนับ 5,000 ปี ในอดีตอียิปต์มีความเจริญด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์  เรขาคณิต ในระดับที่สามารถคำนวณการสร้างพีรามิด และวิหาร ไปจนถึงคิดค้นระบบการนับเลข  คำนวณค่าบวกลบคูณหาร หาพื้นที่และปริมาตร  และยังคิดค้นปฎิทินทางสุริยคติด้วย

จากหลักฐานประวัติศาสตร์อันรุ่งโรจน์ในอดีต เวลาผ่านมานับพันปี ปัจจุบันประเทศแห่งนี้เพิ่งฟื้นจาก ‘วิกฤตเศรษฐกิจ’ ที่เกือบ ‘ล้มละลาย’ ได้ไม่นาน

แล้วเรื่องราวนี้เป็นอย่างไร เกิดอะไรขึ้นกับเศรษฐกิจอียิปต์ในปัจจุบัน? TODAY Bizview รวบรวมไว้ให้แล้วผ่านบทความนี้

[ ‘อียิปต์’ ดินแดนทะเลทรายพื้นที่มากกว่า ‘ไทย’ เท่าตัว ]

เรามารู้จักภาพรวมของอียิปต์กันก่อน 

‘อียิปต์’ มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า ‘สาธารณรัฐอาหรับอียิปต์’ มีระบอบประชาธิปไตยแบบสาธารณรัฐ ที่มีประธานาธิบดีเป็นประมุข ตัวเลขเติบโตของ GDP ปี 2024 อยู่ที่ 3.6% มีรายได้เฉลี่ยต่อหัวราว 3,548 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือคิดเป็น 130,103 บาท ใช้สกุลเงินหลักคือ ‘ปอนด์อียิปต์’ 

ประเทศแห่งนี้มีจำนวนประชากร 106 ล้านคน ภูมิประเทศเป็นที่ราบสูงและทะเลทรายกว้างใหญ่ มีแม่น้ำไนล์เป็นแม่น้ำสายหลัก อาณาบริเวณของประเทศ 1,001,450 ตร.กม. มีขนาดพื้นที่มากกว่า ‘ไทย’ เท่าตัว

โดยอียิปต์มีทรัพยากรธรรมชาติที่สามารถแปรรูปไปใช้ในการส่งออกหลักได้คือ ปิโตรเลียม ก๊าซธรรมชาติ แร่เหล็ก และมีผลผลิตการเกษตรที่สำคัญคือ ฝ้าย ข้าว ข้าวโพด ข้าวสาลี ถั่ว

[ ขาดดุลการค้า หนี้สาธารณะล้น นำมาสู่วิกฤตเศรษฐกิจเรื้อรัง ]

หนึ่งในต้นตอสำคัญที่ทำให้อียิปต์ต้องเผชิญวิกฤตเศรษฐกิจมาตลอดหลายปี คือ ‘ขาดดุลการค้าระหว่างประเทศ’ ด้วยจำนวนเงินราวๆ 32,380 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็น 1.1ล้านล้านบาท

ย้อนกลับไปในปี 2554 ประธานาธิบดีกลุ่มอิสลามิสต์ ‘โมฮาเหม็ด มูร์ซี’ และรัฐบาลอียิปต์พยายามดิ้นรนหาเงินชดเชยจำนวนมหาศาลให้กับการนำเข้า ‘ข้าวสาลี’ เหตุที่เป็นเช่นนี้อ้างอิงจากภูมิประเทศที่มีแต่ทะเลทรายแล้ว จะพบว่าวัตถุดิบและอาหารหลายชนิดจำเป็นต้องพึ่งพิงการนำเข้าสินค้า

จึงไม่แปลกเลยที่ค่าใช้จ่ายการนำเข้าสินค้าหลายประเภทจะทำให้อียิปต์ขาดดุลการค้า 

ประกอบกับในช่วงเวลานั้นรัฐบาลก็ต้องการหาเงินมาใช้ในภาคส่วนอื่นๆ ด้วยเช่นกัน อาทิ เงินอุดหนุน และเงินเดือนของภาครัฐ ซึ่งค่าใช้จ่ายเหล่านี้ก่อให้เกิด ‘หนี้สาธารณะ’ จำนวนมหาศาลขึ้น

โดย 2 ปีถัดมาประธานาธิบดีอับเดล-ฟัตตาห์ เอล-ซีซีขึ้นสู่อำนาจแทน นโยบายของเขาพยายามที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการเปิดตัวโครงการสาธารณะมากมายเพื่อสร้างการบริหารใหม่

หนึ่งในนั้น คือ การขยายคลองสุเอซที่เป็นเส้นทางหลักในการขนส่งน้ำมัน แต่โครงการเหล่านี้สร้างรายได้ผลตอบแทนให้ประเทศไม่เท่าไหร่นัก ขณะที่ช่วงเวลานั้นเงินงบประมาณที่ใช้หมุนเวียนบริหารประเทศส่วนใหญ่ก็มาจากการกู้ยืม ยิ่งทำให้อียิปต์เกิดหนี้สาธารณะมากขึ้นไปอีก 

ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา รัฐบาลอียิปต์ต้องเผชิญกับการจ่ายหนี้สาธารณะ อย่างในปี 2566 ที่รายได้ของรัฐบาลเกือบครึ่งหนึ่งถูกใช้ไปกับการจ่ายดอกเบี้ยในก้อนหนี้สาธารณะ ซึ่งปริมาณดอกเบี้ยของหนี้ก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามอัตราดอกเบี้ยทั่วโลก ประกอบกับผลกระทบจากสงครามรัสเซีย-ยูเครนทำให้นักลงทุนพากันถอนเงินออกจากอียิปต์ราวๆ 20,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 7.3 แสนล้านบาท 

[ ค่าเงินกำลังถูกลดบทบาท IMF จะควบคุมการใช้เงินของรัฐบาลอียิปต์ ]

นอกจากเรื่องขาดดุลการค้า และหนี้สาธารณะล้นแล้ว อียิปต์ยังเผชิญเรื่องของ ‘ค่าเงินถูกลดบทบาท’ 

อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าอียิปต์ใช้สกุลเงินหลักคือ ‘ปอนด์อียิปต์’ 

โดยในปี 2565 ภาคเอกชนและการทหารของอียิปต์มีการทำงานที่ไม่ลงตัวกัน เพราะฝั่งภาคเอกชนมองว่าการทหารของอียิปต์มีการทำงานที่ไม่เป็นธรรม ไม่โปร่งใส ซึ่งในตอนนั้นการทหารของอียิปต์ได้เข้ามามีบทบาทในเศรษฐกิจมากขึ้น มีแนวทางที่สร้างข้อจำกัดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ 

รวมทั้งไม่เอื้อต่อนโยบายของภาคเอกชนในการส่งออกน้ำมันและก๊าซที่เป็นอุตสาหกรรมหลักของอียิปต์ 

ทำให้รายได้เข้าประเทศน้อยลง และเม็ดเงินจากนักลงทุนต่างชาติก็ลดน้อยลง เงินทุนต่างชาติที่มีอยู่ค่อยๆ ไหลออกจากประเทศ อัตราเงินเฟ้อรุนแรงขึ้น ส่งผลให้ค่าเงินอียิปต์ถูกเทขายและอ่อนลงเรื่อยๆ ค่าเงิน ณ ตอนนั้นตกลงราวๆ -63% ภายในระยะเวลาเพียง 6 ปีเท่านั้น (นับตั้งแต่ปี 2559 -2565)

สถานการณ์เช่นนี้ ทำให้ผู้คนในประเทศต้องพึ่งพาการสนับสนุนจากรัฐบาล ซึ่งตอนนั้นนักลงทุนต่างชาติสัมผัสได้ถึงความเสี่ยงและหนี้สินที่จะเพิ่มขึ้นภายในประเทศ ทำให้นักลงทุนต่างชาติค่อยๆ ไหลออกจากประเทศและค่าเงินก็ค่อยๆ อ่อนลงซ้ำเติมสถานการณ์ตามไปด้วย 

เพื่อแก้ปัญหาเรื่องค่าเงิน ทำให้กองทุนระหว่างประเทศ (IMF) เข้ามามีบทบาทในอียิปต์มากขึ้น โดยในอดีตอียิปต์มีอัตราการแลกเปลี่ยนที่คุมเข้ม ไม่ได้เป็นอัตราการแลกเปลี่ยนแบบลอยตัว ทำให้ IMF ได้เข้ามาเปลี่ยนระบบอัตราการแลกเปลี่ยนของอียิปต์ให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น เป็นในรูปแบบอัตราการแลกเปลี่ยนแบบลอยตัว พร้อมกับเสนอเงินให้กู้ยืมราว 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 1.09 แสนล้านบาท โดยใช้วิธีทยอยให้จนครบ 46 เดือน หรือปี 2572 

เมื่อ IMF เข้ามามีบทบาทและเป็นนายทุนให้กู้ยืม ทำให้ในสายตานักลงทุนต่างชาติมองว่าอียิปต์เหมือนจะกำลังฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ต่อมาสหภาพยุโรป และธนาคารโลก ได้ให้รัฐบาลอียิปต์กู้เงินเพิ่มอีก 14,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 5.1 แสนล้านบาท 

สถานการณ์ปัจจุบันนี้ IMF มีบทบาทในอียิปต์มาก โดย ได้เข้ามาควบคุมการใช้จ่ายของรัฐบาลอียิปต์ และส่งเสริมการแข่งขันทางการค้าให้ภาคเอกชนมีบทบาทมากขึ้นในระบบเศรษฐกิจ 

เส้นทางวิกฤตของอียิปต์จนถึงตอนนี้มีหนี้สาธารณะคิดเป็น 88.1% ต่อ GDP และค่าเงินตกลงมา -35.20% จากเดือนมีนาคมปีก่อนหน้า (ปี 2566)  

จากนี้ต้องติดตามว่ากการเข้ามามีบทบาทของ IMF จะช่วยพลิกฟื้นเศรษฐกิจอียิปต์ไปในทิศทางใดต่อไป แต่ที่แน่ๆ ด้วยปริมาณหนี้สาธารณะที่มีอยู่ของอียิปต์ขณะนี้ยังต้องอยู่บนเส้นทางขวากหนามทางการเงินของประเทศต่อไป

ที่มา 

https://www.bloomberg.com/news/articles/2024-03-21/egypt-s-currency-crisis-egp-usd-is-over-what-s-next?srnd=economics-v2&sref=LQZclhPm

https://www.imf.org/external/datamapper/profile/EGY

https://kids.nationalgeographic.com/history/article/ancient-egypt

https://www.imf.org/en/Countries/EGY/Egypt-qandas

https://www.egypttoday.com/Article/3/126314/Egypt%E2%80%99s-economy-and-IMF-agreement-amid-exchange-rate-uncertainty

AyosiriWriterAyosiri
เป็นนักข่าวการเงิน สนใจเรื่องการลงทุนและการตลาด ประวัติศาสตร์ อยากสื่อสารให้เรื่องเป็นเงินสำหรับทุกคน

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง