เกาหลีใต้ตัดสินใจที่จะคงมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมที่เข้มงวดขึ้นต่อไปอีก 1 สัปดาห์ ในขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายวันเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นหลักร้อยในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา

ภาพซินหัว
วันที่ 28 ส.ค. 2563 สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ช็อง เซ กยุน นายกรัฐมนตรีเกาหลีใต้ กล่าวกับที่ประชุมรัฐบาลว่าด้วยการรับมือไวรัสว่าจะยังคงใช้มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมระดับ 2 ต่อไปอีก 1 สัปดาห์ในพื้นที่โซลและปริมณฑลโดยรอบ
รัฐบาลกำลังพิจารณามาตรการกักตัวที่เข้มงวดขึ้นภายใต้แคมเปญระดับ 2 เช่น จำกัดชั่วโมงการทำงานและการดำเนินการของร้านอาหารและร้านกาแฟที่ผู้คนนิยมเข้าบ่อยในแต่ละวัน
ช็อง เซ กยุน ชี้ว่ามาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมระดับ 3 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในระบบจะเป็นทางเลือกสุดท้าย เนื่องจากจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคม
ยอดรายงานล่าสุดระบุว่ามีผู้ป่วยโรคโควิด-19 ในเกาหลีใต้เพิ่มขึ้น 371 รายในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา รวมกับยอดเดิมเป็นจำนวน 19,077 ราย
จำนวนผู้ป่วยรายวันลดลงจากเมื่อวานนี้ที่ 441 ราย ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดในรอบ 6 เดือน แต่อย่างไรก็ตาม ยอดผู้ป่วยรายวันยังคงอยู่ที่ตัวเลขสามหลักเป็นเวลา 15 วันติดต่อกันแล้ว สืบเนื่องการติดเชื้อดังกล่าวเชื่อมโยงกับโบสถ์ซารังเจอิล (Sarang Jeil) ในกรุงโซล และการชุมนุมครั้งใหญ่ที่จัดขึ้นใจกลางกรุงโซลโดยนักการเมืองอนุรักษ์นิยม กลุ่มพลเมือง และสมาชิกคริสตจักร เมื่อวันที่ 15 ส.ค. ที่ผ่านมา
เพื่อแก้ไขปัญหาไวรัสแพร่ระบาด รัฐบาลได้ยกระดับข้อกำหนดด้านการเว้นระยะห่างทางสังคมขึ้นเป็นระดับ 2 เมื่อวันที่ 16 ส.ค. ในเขตมหานครโซล ซึ่งมีประชากรอยู่อาศัยราวครึ่งหนึ่งของทั้งประเทศที่มี 51 ล้านคน และขยายมาตรการออกไปทั่วประเทศในอีก 1 สัปดาห์ต่อมา
ภายใต้แคมเปญระดับ 2 นี้จะห้ามมิให้มีการชุมนุมในที่ร่มเกินกว่า 50 คน และงดกิจกรรมกลางแจ้งที่มีผู้คนมากกว่า 100 คน ในขณะสถานที่ของรัฐและเอกชนที่มีความเสี่ยงสูงจะถูกงดไม่ให้ดำเนินธุรกิจ
ส่วนแนวปฏิบัติระดับ 3 นั้นจะห้ามการชุมนุม การพบปะ และกิจกรรมที่มีผู้เข้าร่วมมากกว่า 10 คน ตลอดจนการแข่งขันกีฬาทุกชนิด สถานที่ของรัฐและเอกชนทั้งหมดจะต้องปิดทำการ ยกเว้นเพื่อวัตถุประสงค์ทางเศรษฐกิจและสังคมที่จำเป็น










