ภาพรวมธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลของ ‘กรุงศรี คอนซูมเมอร์’ ในปี 2568 มีแนวโน้มชะลอตัวลง เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจที่ยังเปราะบาง ความเชื่อมั่นในตลาดที่ไม่ฟื้นเต็มที่ และปัจจัยกดดันรอบด้าน ทั้งหนี้ครัวเรือนที่สูงและสถานการณ์การเมืองทั้งในและนอกประเทศ
สำหรับผลประกอบการครึ่งปีแรก (ม.ค.–มิ.ย. 2568) บริษัทมียอดใช้จ่ายผ่านบัตร 191,400 ล้านบาท เติบโต 1.5% เมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมซึ่งมีการหดตัว 0.8% ขณะที่ยอดสินเชื่อใหม่อยู่ที่ 45,400 ล้านบาท ยอดสินเชื่อคงค้าง 136,000 ล้านบาท และมีบัญชีลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นกว่า 273,700 บัญชี
ถึงแม้ตัวเลขดูเหมือนเป็นสัญญาณบวก แต่หากพิจารณาเชิงพฤติกรรมจะพบว่า ผู้บริโภคระมัดระวังในการใช้จ่ายมากขึ้น ลดการใช้จ่ายในหมวดฟุ่มเฟือยและหันมาใช้บัตรเพื่อผ่อนชำระในสิ่งจำเป็นแทน
[ ‘ผู้บริโภค’ เข้าโหมดระมัดระวัง ]
หากดูข้อมูลเชิงพฤติกรรม ผู้บริโภคในเครือกรุงศรีคอนซูมเมอร์ (บัตรเครดิตกรุงศรี, กรุงศรีเฟิร์สช้อยส์, เซ็นทรัล เดอะวัน และโลตัส) จะพบว่า ทุกกลุ่มรายได้ต่างปรับพฤติกรรมไปในทิศทางเดียวกันคือ ‘ระมัดระวังมากขึ้น’
– กลุ่มรายได้สูง (Affluent & Super Affluent) : เป็นฐานสำคัญ คิดเป็นกว่า 40% ของยอดใช้จ่ายทั้งหมด
– ผู้บริโภคทุกกลุ่มชะลอการใช้จ่าย : ลดหมวดสินค้าฟุ่มเฟือย เช่น แฟชั่น ตกแต่งบ้าน สุขภาพและความงาม
– การใช้บริการ ผ่อนชำระเพิ่มขึ้น : โดยเฉพาะหมวดช้อปออนไลน์ ประกัน และตกแต่งยานยนต์
– 5 หมวดใช้จ่ายสูงสุด : ประกันภัย, ซูเปอร์มาร์เก็ตและร้านสะดวกซื้อ, ปั๊มน้ำมัน, สินค้าตกแต่งบ้าน, ช้อปออนไลน์
– 5 หมวดเติบโตสูงสุด : กองทุนรวม, แอปเดลิเวอรี, โซเชียลมีเดียและแอปพลิเคชัน, ตัวแทนท่องเที่ยว, อุปกรณ์กีฬาและฟิตเนส
โดย ‘อธิป ศิลป์พจีการ’ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อยุธยา แคปปิตอล เซอร์วิสเซส จำกัด และประธานชมรมสินเชื่อส่วนบุคคล กล่าวว่า ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนชัดว่า ความเชื่อมั่นในตลาดยังไม่ฟื้น ผู้บริโภคเลือกจับจ่ายในสิ่งที่จำเป็นและคิดระยะยาวมากขึ้น ส่งผลให้ธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลเติบโตช้า
อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการครึ่งปีแรกของกรุงศรี คอนซูมเมอร์ยังเติบโตดีกว่าตลาด ทั้งในแง่จำนวนบัตรและยอดใช้จ่าย โดยมีอัตราหนี้เสียต่ำกว่าค่าเฉลี่ยจากการบริหารความเสี่ยงที่รัดกุม
[ เศรษฐกิจแย่ ปล่อยสินเชื่อจะยากขึ้น ]
ด้าน ‘อธิศ รุจิรวัฒน์’ ประธานเจ้าหน้าที่ด้านกรุงศรี คอนซูมเมอร์ และประธานชมรมธุรกิจบัตรเครดิต สมาคมธนาคารไทย อธิบายว่า เศรษฐกิจปีนี้มีแนวโน้มชะลอลงจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นหนี้ครัวเรือนต่อ GDP ที่สูง สถานการณ์การเมืองในประเทศ รวมถึงแรงกดดันจากต่างประเทศ เช่น มาตรการภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯ ที่อาจกระทบต่อการส่งออก และความตึงเครียดชายแดนไทย–กัมพูชา
สิ่งเหล่านี้ล้วนบั่นทอนความเชื่อมั่นของผู้บริโภค และทำให้ธุรกิจบัตรเครดิตเผชิญภาวะหดตัว สถาบันการเงินจึงต้องเข้มงวดขึ้นในการอนุมัติสินเชื่อเพื่อควบคุมความเสี่ยง ขณะที่ผู้บริโภคก็จับจ่ายอย่างรอบคอบมากขึ้น
ขณะที่ ‘อธิป ศิลป์พจีการ’ พูดเสริมว่า ภาระหนี้ครัวเรือนที่สูงยังส่งผลโดยตรงต่อธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคล ผู้บริโภคเลือกใช้สินเชื่ออย่างระมัดระวังและพยายามลดภาระหนี้ ทำให้ยอดสินเชื่อใหม่หดตัวลง สอดคล้องกับท่าทีของผู้ประกอบการที่ต้องปล่อยสินเชื่ออย่างรอบคอบมากขึ้น ภายใต้การควบคุมจากภาครัฐ จึงกลายเป็นความท้าทายของธุรกิจในตลาดที่แข่งขันสูง
สำหรับครึ่งปีหลัง บริษัทเตรียมปรับกลยุทธ์รับมือสถานการณ์ ด้วยการมุ่งสร้างการเติบโตอย่างมีคุณภาพ เน้นการบริหารต้นทุนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ใช้ข้อมูลและเทคโนโลยี AI ทำการตลาดให้เข้าถึงลูกค้าอย่างลึกซึ้ง
และใช้ศักยภาพเครือข่ายพันธมิตรเสริมประสิทธิภาพโปรโมชัน พร้อมปรับจุดขายของผลิตภัณฑ์ให้ตรงความต้องการ เพื่อให้บัตรเครดิตกลายเป็น ‘บัตรหลัก’ ในชีวิตประจำวันของลูกค้า และขยายฐานลูกค้าได้ต่อเนื่อง










