Virtual Bank หรือธนาคารเสมือนจริงยุคดิจิทัล ระบบนี้ออกแบบมาให้ประชาชนคนทั่วไปได้มีโอกาสเข้าถึงสินเชื่อเงินกู้ที่ง่ายขึ้น ลดความเหลื่อมล้ำลงด้วยดอกเบี้ยที่ถูกกว่าหนี้นอกระบบ และการอนุมัติสินเชื่อที่ค่อนข้างง่าย ใช้เวลารวดเร็ว ไม่ต้องพิจารณาอะไรหลายขั้นตอนให้ยุ่งยาก
แต่ก็ต้องยอมรับว่า Virtual Bank ยังคงเป็นสิ่งใหม่ในประเทศไทยทำให้ด้านหนึ่งก็ยังมีความเสี่ยงที่จะไม่ประสบความสำเร็จได้ แม้ว่าประโยชน์ของ Virtual Bank จะเข้ามาช่วยเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศและแก้ปัญหาเศรษฐกิจนอกระบบ
[ ไทยมีเศรษฐกิจนอกระบบมากกว่า 50% ของ GDP สูงกว่าเวียดนามคู่แข่งอีก ]
‘ผยง ศรีวณิช’ กรรมการผู้จัดการใหญ่แ จำกัด (มหาชน) เล่าให้ TODAY Bizview ฟังว่า ปัจจุบันความเหลื่อมล้ำในเศรษฐกิจไทยกระจายอยู่ในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็น การศึกษา สาธารณสุข โดยเฉพาะกับด้านการเงินที่มีความเหลื่อมล้ำสูง
อ้างอิงจากข้อมูลจะพบว่า ประเทศไทยมีการเติบโตของ ‘เศรษฐกิจนอกระบบ’ สูงถึง 50% ต่อ GDP หรือเรียกได้ว่าโตเป็นอันดับต้นๆ ของอาเซียน ขณะที่เพื่อนบ้านอย่าง ฟิลิปปินส์อยู่ที่ 39.8% มาเลเซียอยู่ที่ 30.5% หรือแม้แต่เวียดนามคู่แข่งตัวฉกาจก็อยู่ที่ 14.4% เท่านั้น
มากกว่าไปกว่านั้น 27% ของจำนวนประชากรไทยไม่มีบัญชีธนาคารและไม่สามารถเข้าถึงธุรกรรมทางการเงินได้เท่าไรนัก หรือแม้แต่ภาคธุรกิจ SMEs ที่มีแค่เพียง 17% เท่านั้นที่เข้าถึงสินเชื่อจากธนาคารพาณิชย์
ลึกเข้าไปในมุมตลาดแรงงานก็จะเห็นจุดด่างพร้อยที่ชัดเจนว่า 51% ของจำนวนประชากรไทยหายออกไปจากระบบแรงงานไม่มีข้อมูลอยู่ในระบบธนาคารพาณิชย์
ขณะเดียวกันทางด้านธุรกิจ SMEs ไม่ได้อยู่ในระบบสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ถึง 74% หรือทำความเข้าใจง่ายๆ ว่ามีประชากรไทยยบางส่วนเข้าไม่ถึงสินเชื่อจากธนาคารพาณิชย์เลย อาจจะหยิบเงินกู้นอกระบบมาหมุนเวียน หรือบางคนอาจจะหยิบวงเงินจากบัตรเครดิตส่วนตัวมาทำธุรกิจด้วยซ้ำ
ทำให้เห็นชัดแล้วว่า มีช่องว่างที่ Virtual Bank จะเข้าไปช่วยยกระดับความเหลื่อมล้ำทางการเงิน และช่วยลดขนาดเศรษฐกิจนอกระบบของไทยได้
‘ผยง ศรีวณิช’ ยืนยันว่า ‘ธนาคารกรุงไทย’ (KTB) ในฐานะธนาคารพาณิชย์แห่งเดียวของรัฐจับมือกับพันธมิตรอย่างบริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) และ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) (ADVANC) เดินหน้าขอไลเซนต์ Virtual Bank ภายในวันที่ 12 ก.ย. 2567 นี้แล้ว
[ มีข้อมูลวิเคราะห์ก่อนปล่อยสินเชื่อ ทำให้มั่นใจได้มากขึ้น ]
ที่น่าสนใจคือ การร่วมมือกันผ่าน 3 พันธมิตรจะทำให้มีข้อได้เปรียบของเรื่องเงินทุนสูง + เชี่ยวชาญการเงิน + ฐานข้อมูลดิจิทัลแกร่งทำให้สามารถวิเคราะห์กลุ่มลูกค้าและพิจารณาสินเชื่อได้รอบคอบมากขึ้น แต่ในทางกลับกันก็ดูเหมือนเป็นการกินรวบทางธุรกิจ
โดยซีอีโอ KTB อธิบายให้เห็นภาพง่ายๆ ว่าสมมติมีพนักงานคนนึงเลิกงานไปเรียนพิเศษ อัพสกิลตัวเองต่อ ขณะที่พนักงานอีกคนเลิกงานแล้วไปเล่นการพนัน แค่นี้ก็ประเมิณได้แล้วว่าควรปล่อยสินเชื่อให้ใคร ซึ่งข้อมูลทั้งหมดก็มาจากฐานพันธมิตรทำให้การร่วมมือกันในครั้งนี้ อาจทำให้เกิด Virtual Bank ที่แข็งแกร่ง แต่ถึงอย่างนั้น Virtual Bank ก็ยังคงเป็นสิ่งใหม่ในประเทศไทย แม้จะดูเหมือนว่าจะเข้ามาช่วยแก้ปัญหาเศรษฐกิจนอกระบบของไทยได้ แต่ก็ยังมีความเสี่ยงอีกมาก
และยังทิ้งท้ายบอกอีกว่า ใช่ว่าธุรกิจทุกธุรกิจจะประสบความสำเร็จ เพราะมีผู้เล่นในต่างประเทศที่ทำ Virtual Bank แล้วเจ๊งก็มี แต่จุดประสงค์ในการทำ Virtual Bank ของเรามีจุดชัดเจนที่ว่าจะช่วยยกระดับเศรษฐกิจไทย ทำให้ประชาชนเข้าถึงสินเชื่อในระบบได้มากกว่าการผูกขาดทางธุรกิจแน่นอน










