ไม่ได้ช้อปปิ้งหนัก แต่ไม่มีเงินเหลือเก็บ เพราะเผชิญกับ Latte Factor

เคยเป็นไหม ที่สิ้นเดือนเงินเดือนไม่เหลือให้เก็บเลย แม้ว่าเราจะไม่ได้ซื้อของชิ้นใหญ่ราคาแพงใด ๆ ทั้งนั้น

ความจริงแล้วเราอาจกำลังเผชิญกับ Latte Factor อยู่ก็ได้ และด้วยปัจจัยนี้เอง ทำให้คนจำนวนไม่น้อยแทบไม่เหลือเงินเก็บ หรือมีเงินเก็บน้อยกว่าที่ควรจะเป็น

แต่ถ้าเราเข้าใจ Latte Factor นอกจากจะมีเงินเก็บแล้ว ความสุขก็เพิ่มมากขึ้นด้วย

Latte Factor คืออะไร ? TODAYBizview จะสรุปให้ฟังแบบเข้าใจง่าย ๆ พร้อมวิธีรับมือ

Latte Factor คือรายจ่ายเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เกิดขึ้นเป็นประจำในชีวิตของเรา ไม่ว่าจะเป็น ค่ากาแฟ, ค่าขนม, ค่าสังสรรค์, ค่าความบันเทิง และอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งหลายคนมักจะใช้จ่ายแบบไม่คิดมาก แต่หากดูเป็นรายเดือนหรือรายปี จะพบว่าเป็นเงินก้อนใหญ่พอสมควร

ตัวอย่างเช่น ค่ากาแฟแก้วละ 70 บาทต่อวัน ดื่ม 300 วัน เท่ากับคิดเป็นค่าใช้จ่าย 21,000 บาท หรือประมาณเงินเดือน 1 เดือน

โดยคนคิดเรื่อง Latte Factor คือคุณ David Bach ที่ได้แนวคิดจากการพูดคุยกับหญิงสาวที่เข้ามาถามถึงหากมีรายได้น้อย จะมีวิธีเก็บเงินได้อย่างไร

ซึ่งเขาพบคำตอบว่า รายจ่ายเล็ก ๆ น้อย ๆ ในชีวิตประจำวัน นี่เองที่หากลดหรือกำจัด ก็จะสามารถเปลี่ยนเป็นเงินเก็บก้อนใหญ่ได้

อย่างไรก็ตาม แนวคิดนี้ไม่ได้หมายความว่า เราจะต้องห้ามซื้อกาแฟ หรือตัดทุกความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ ในชีวิต แต่ให้ตระหนักว่า เงินก้อนเล็กก็มีความสำคัญและส่งผลต่อชีวิตในอนาคตได้เช่นกัน

แล้วเราควรรับมือกับ Latte Factor อย่างไร ?

1. 1. ตระหนักถึงค่าใช้จ่ายเล็ก ๆ ในแต่ละวัน แบบเริ่มต้นง่ายที่สุด ด้วยการจดบันทึกค่าใช้จ่ายประจำวัน เช่น กาแฟ ขนม ช้อปปิง เป็นต้น เพื่อจะได้เห็นว่า เงินก้อนเล็กที่ใช้ทุกวัน พอรวมเป็นเดือนหรือปีแล้ว ไม่น้อยเลย และจะได้รู้ว่า เงินของเรามันรั่วไปตรงไหนกันแน่

1. 1. หาทางเลือกที่ช่วยประหยัดเงิน แต่ไม่ลดคุณภาพชีวิต เช่น เข้าโรงหนังวันพุธแทนวันอื่น เพราะราคาตั๋วถูกกว่า, ช้อปปิงวันที่ได้ส่วนลดเยอะ, ใช้บัตรสะสมแต้มและโปรโมชัน หรือหารค่าแพลตฟอร์มต่าง ๆ กับคนอื่น เช่น YouTube และ Netflix เป็นต้น

1. 1. ออมก่อนใช้ ท่าเบสิก แต่ให้ผลลัพธ์ที่ดี ขณะที่เราก็มีความสุขเพิ่มด้วย เพราะถ้าเราออมเงินไปแล้ว จะทำให้ใช้เงินเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้โดยไม่รู้สึกผิด ไม่ต้องพะวงว่า ควรใช้กี่บาทในแต่ละวันเพื่อให้เหลือเงินเก็บในช่วงสิ้นเดือน

1. 1. พยายามคิดเป็นมูลค่าในอนาคต หากเราเลือกเก็บออมแทนการใช้จ่าย เช่น ถ้าเราลดค่าใช้จ่ายได้ 300 บาททุกเดือน หรือ 10 บาทต่อวัน แล้วเอาไปลงทุนได้ 4% ต่อปี ภายในระยะเวลา 5 ปี เราจะมีเงินแตะ 20,000 บาทเลยทีเดียว โดยการเห็นตัวเลขอนาคตแบบนี้จะช่วยหยุดการจ่ายแบบไม่คิด เพราะเห็นต้นทุนค่าเสียโอกาสแบบชัดเจนแล้ว

1. 1. เปลี่ยนค่าใช้จ่ายเล็ก ๆ เป็นค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่ ตัวอย่างเช่น ถ้าเราต้องการ iPhone รุ่นใหม่ ก็ให้เก็บเงินด้วยวิธีการลดค่าใช้จ่ายเล็ก ๆ ในแต่ละวันแทน ผลลัพธ์ที่ได้คือ ได้ทั้งของที่อยากได้ ไม่ต้องเหนื่อยเก็บเงินก้อนใหม่ และลดรายจ่ายที่รั่วไหลในทุกวันด้วย

จะเห็นได้ว่า คอนเซปต์ของ Latte Factor ไม่ใช่การตัดค่าใช้จ่ายเหล่านั้นออกไปทั้งหมดเลย แต่เป็นการรักษาสมดุลระหว่าง “ชีวิตวันนี้” กับ “อนาคตที่มั่งคั่ง” ผ่านการจัดการพฤติกรรมการใช้จ่ายสิ่งเดิมซ้ำ ๆ ที่เราอาจมองข้ามไป นั่นเอง

ที่มา